Homeธุรกิจซีพีเอฟ กำไรไตรมาสแรกโต 43% คาดโควิด-19 ไม่กระทบผลประกอบการ มั่นใจดีกว่าปีที่แล้ว

ซีพีเอฟ กำไรไตรมาสแรกโต 43% คาดโควิด-19 ไม่กระทบผลประกอบการ มั่นใจดีกว่าปีที่แล้ว

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2563 เท่ากับ 6,111 ล้านบาท เติบโต 43% จากปีก่อน คาดมาจากระดับราคาหมูในหลายประเทศปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในเวียดนาม เนื่องจากโรคระบาด ASF (African Swine Flu) ที่เกิดขึ้นในการเลี้ยงหมูในภูมิภาค ทำให้จำนวนหมูลดลง จนเกิดภาวะขาดตลาด

ทั้งนี้ ซีพีเอฟ ดำเนินธุรกิจใน 17 ประเทศ และส่งออกมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก รายงานยอดขายไตรมาส 1 ปีนี้ จำนวน 138,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 10% โดยเป็นยอดขายของกิจการในต่างประเทศ 16 ประเทศมีสัดส่วน 68% ของยอดขายรวมเติบโต 12% จากปีก่อน และกิจการประเทศไทยที่มีสัดส่วน 32% ของยอดขายรวมเติบโต 6%

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า กำไรที่ดีขึ้นของบริษัทส่วนใหญ่ มาจากธุรกิจสุกรในหลายประเทศ โดยเฉพาะเวียดนามจากเหตุภาวะสุกรขาดตลาดอันเกิดจากโรคระบาด ASF (African Swine Fever) ที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณสุกรในเวียดนามลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ราคาสุกรเฉลี่ยในเวียดนามและกัมพูชาปรับตัวสูงขึ้นมาจากปีที่แล้ว นอกจากนั้น กิจการในหลายประเทศก็มีการเติบโตดีขึ้นตามเป้าหมายการขยายงาน รวมทั้งการเริ่มรับรู้กำไรจากบริษัท Hylife ผู้ดำเนินธุรกิจสุกรในแคนาดาตั้งแต่ไตรมาส 1 นี้

สำหรับสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ที่เกิดขึ้นตอนนี้ มีผลกระทบต่อธุรกิจบ้างจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและกำลังซื้อลดลง แต่ผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัท มีไม่มากนักเนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นในการยังชีพ และบริษัทได้ยึดมั่นในภารกิจสินค้าคุณภาพและปลอดภัยที่จะกำกับดูแลให้กระบวนการผลิตและกระบวนการทำงานไม่หยุดชะงัก เพื่อไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลนอาหาร โดยยกระดับการป้องกันการกระจายโรค COVID เป็นระดับสูงสุด พร้อมทั้งมีมาตรการดูแลพนักงานในองค์กรอย่างเต็มที่ รวมทั้ง ได้มีโครงการช่วยเหลือสังคมต่างๆ

ซีพีเอฟ มีแนวทางกลยุทธ์ในการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ ไม่ว่าจะมีความหลากหลายของประเภทสัตว์ ความหลากหลายของสินค้าจากการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร รวมทั้งความหลากหลายของประเทศที่ดำเนินธุรกิจ อีกทั้งการใส่ใจในกระบวนการผลิตที่ปลอดภัยได้มาซึ่งสินค้าคุณภาพสำหรับผู้บริโภค พร้อมทั้งมีการปรับรูปแบบธุรกิจช่องทางการขายและสินค้าให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคมาโดยตลอด บริษัทจึงมีการทบทวนแผนธุรกิจต่อสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 นี้ เพื่อผลิตสินค้าและช่องทางจำหน่ายให้สอดคล้องกับ New Normal และคาดว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะดีขึ้นจากปีที่แล้ว ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

- Advertisment -
[td_block_1 custom_title="Must Read" limit="4" f_header_font_transform="uppercase" ajax_pagination="next_prev" category_id="9" sort=""]