Home Blog Page 37

บีทีเอสกรุ๊ป แจกข้าวกล่องทุกวัน บรรเทาทุกข์ให้ชุมชนแออัดตลอดพ.ค. สู้โควิด-19

นาย คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทบีทีเอส เปิดเผยว่า บีทีเอส เห็นถึงปัญหา และ เข้าใจถึงความทุกข์ยากของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจของวิกฤติครั้งนี้ ที่ผ่านมา บริษัทได้มอบกรมธรรม์ประกันชีวิตสำหรับแพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาลนักเทคนิคการแพทย์ และนักรังสีเทคนิค มอบเงินให้กองทุนสนับสนุน และเยียวยาให้แก่ อสม. เพื่อเป็นการสร้างขวัญ กำลังใจ และตอบแทนการกระทำความดี ของอสม.ทุกคน ที่อาสาช่วยเหลือสังคมโดยไม่กลัวเป็นอันตราย

พร้อมจัดโครงการ “ข้าวกล่อง บรรเทาทุกข์ ส่งความสุข” ทำอาหารกล่อง จากภัตตาคารเชฟแมน (Chef Man) ในกลุ่มบริษัทบีทีเอส แจกแก่ชาวบ้านตามชุมชนต่าง ๆ อาทิ ชุมชนบ้านมั่นคงสวนพลู ชุมชนบ้านเอื้ออาทรสวนพลู ชุมชนหน้าสมาคมธรรมศาสตร์ ครั้งแรกเมื่อปลายเดือนเมษายน ที่ผ่านมา จำนวน 1,200 กล่อง และครั้งที่สองจำนวน 500 กล่อง ตามลำดับ เพื่อเข้าช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ ให้กับประชาชนในชุมชนแออัด ซึ่งได้รับเสียงตอบรับ และคำขอบคุณจากชาวบ้านเป็นอย่างดี

ดังนั้น กลุ่มบริษัทบีทีเอส จึงได้จัดทำโครงการ “ข้าวกล่อง บรรเทาทุกข์ ส่งความสุข” อย่างต่อเนื่อง โดยร่วมกับกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 นำข้าวกล่องวันละ 500 กล่อง จากภัตตาคารเชฟแมน (Chef Man) พร้อมน้ำดื่ม ออกแจกจ่ายให้แก่ประชาชน ในชุมชนต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร ตลอดทั้งเดือนพฤษภาคมนี้

นายคีรี กล่าวว่า วิกฤติคราวนี้ อีกยาวไกลถ้าทุกคน ร่วมมือร่วมใจกัน ก็จะผ่านไปได้ แต่ถ้าทุกคนมัวแต่กลัว ไม่ช่วยกัน ไม่มีประโยชน์ ไม่มีทางสำเร็จได้ วิกฤติครั้งนี้โดนกันทุกท่าน ไม่มีใครมีโอกาส หรือ ดีกว่ากัน แต่ถ้าทุกคนตั้งใจ และแก้ปัญหาไปที่ละอย่าง ก็คงจะทำได้ ถ้าทุกคนสามัคคีกัน ช่วยเหลือกัน ทุกอย่างจะสำเร็จ นี่คือ ประเทศของเรา ถ้าเราไม่รักแล้วใครจะรัก

อาหารกล่องจากใจซีพีเอฟ ถึงมือคนไทยแล้วกว่า 1 ล้านกล่อง

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจช่วยเหลือคนไทยต้านภัยโควิด 19 อย่างต่อเนื่องกว่า 1 ล้านกล่อง และยังคงเดินหน้าส่งมอบอาหารโดยรถ Food Truck ให้กับชุมชนต่างๆ ในกรุงเทพมหานครได้กินร้อน ปรุงสุกและปลอดภัย

บริษัท ริเริ่มโครงการ “ซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจ..ร่วมต้านภัยโควิด 19” ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐหลายแห่งประกอบด้วย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กองทัพภาคที่ 1 และกรุงเทพมหานคร ตลอดจนสมาคมและชมรมต่างๆ เช่น ชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน แห่งประเทศไทย (อสม.) เป็นต้น จนถึงขณะนี้ได้เพิ่มการส่งมอบอาหารปลอดภัยให้พี่น้องคนไทยอย่างทั่วถึง ด้วยการแจกอาหารอุ่นร้อนโดยรถ Food Truck ที่เคลื่อนที่ไปในชุมชนทั่วกรุงเทพฯ เพื่อให้ทุกคนมั่นใจว่าได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนการ อร่อย ปรุงสุก และปลอดภัยจากเชื้อโรค

ล่าสุด ซีพีเอฟ แจกจ่ายข้าวกล่องไปทั่วประเทศแล้วกว่า 1.2 ล้านกล่อง และยังเดินหน้าเติมความอิ่มอร่อยด้วยอาหารมาตรฐานส่งออก เพื่อช่วยเหลือคนไทยทั่วประเทศฝ่าวิกฤตโควิดไปด้วยกัน

สำหรับโครงการล่าสุด การส่งมอบอาหารกล่องอุ่นร้อนโดยรถ Food Truck บริษัทต้องการนำอาหารที่ถูกสุขอนามัยด้วยการปรุงสุกและอุ่นร้อนพร้อมรับประทาน ตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันเชื้อโรค ขณะเดียวกัน ยังสามารถนำอาหารเข้าไปอำนวยความสะดวกให้กับคนในชุมชนได้อย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ โครงการส่งมอบอาหารคุณภาพดีปลอดภัยของ ซีพีเอฟ ประกอบด้วย

1. โครงการ “ซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจร่วมต้านภัยโควิด19” ให้กับโรงพยาบาลของรัฐ 200 แห่ง ตลอดจนผู้เฝ้าระวังที่กลับจากประเทศเสี่ยงอีก 20,000 คน และยังคงเดินหน้า “โครงการซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจให้โรงพยาบาลรัฐ ครอบครัวแพทย์-พยาบาล” จำนวน 20,000 คน ซึ่งเป็นความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข

2. ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของคนไทยด้วยการลดราคาข้าวกล่องเหลือกล่องละ 20 จำนวน 1 ล้านกล่อง ภายใต้โครงการ “ซีพีเอฟ ลดจริง..ไม่ทิ้งกัน”

3. ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในโครงการ “ซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจ..ให้ชุมชน”

4. โครงการ “ซีพีเอฟ ส่งอาหารปลอดภัย..ให้ชุมชน” โดยร่วมมือกับกองทัพภาคที่ 1 เพื่อส่งมอบอาหารเย็นให้กับชุมชนคลองเตย และ

5. โครงการ “คูปองส่วนลดจากใจให้ อสม. #ฮีโร่ที่ลืมไม่ได้” มอบส่วนลดสุดพิเศษจากใจ สำหรับการซื้อสินค้าอาหารในร้านซีพี เฟรชมาร์ท จำนวน 1 ล้านใบ

ซีพีเอฟ ดำเนินธุรกิจตามปรัชญา 3 ประโยชน์ คือประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชนและบริษัทเป็นอันดับสุดท้าย วันนี้ประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤต บริษัทฯถือเป็นหน้าที่ที่ต้องช่วยเหลือสังคมเพื่อเสริมพลังให้ประเทศแข็งแกร่งเพื่อส่งเสริมให้คนไทยฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน

เอไอเอส เปิดตัวซิมออนไลน์ “GOMO” ราคาประหยัด เน็ตเต็มสปีด 50 GB

เอไอเอส เปิดให้บริการ ซิมมือถือแนวคิดใหม่ “GOMO” ซิมออนไลน์ 100% ตอบโจทย์ชีวิตออนไลน์ให้กับคนไทยได้แบบเต็มขั้น รับสถานการณ์คลายล็อกดาวน์เฟส 2 

ให้เน็ตเยอะที่สุด ในราคาที่ประหยัดที่สุด ราคาเดียวเพียง 299 บาท/เดือน ให้เน็ตเต็มสปีด 50 GB และใช้เน็ตต่อเนื่องไม่อั้นที่ความเร็ว 512 Kbps, AIS Super WiFi ไม่อั้น แถมโทรฟรีทุกเครือข่าย 100 นาที พร้อมด้วยแพ็กเกจ YouTube Premium และแพ็กเกจ Work Anywhere พร้อมมอบฟรี ! กรมธรรม์ประกันชีวิตไวรัสโคโรนา (โปรโมชั่นนี้ สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2563)

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส กล่าวว่า  แม้ว่าจะมีการประกาศคลายล็อกดาวน์เฟส 2 แล้ว หลายคนหลายธุรกิจ เริ่มกลับมาทำงานและเดินหน้าต่อ รวมถึงคนที่ยัง Work from Home และ Learn From Home อยู่ที่บ้านก็ตาม การติดต่อสื่อสารและการใช้ชีวิตผ่านโลกออนไลน์ก็ได้กลายเป็นวิถีชีวิตใหม่ของคนไทยไปแล้ว การใช้งานอินเทอร์เน็ตจึงยิ่งทวีความสำคัญอย่างเห็นได้ชัด เอไอเอส ภายใต้แบรนด์ GOMO จึงออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยแนวคิดที่แตกต่าง โดยมุ่งเน้นไปที่บริการบนโลกออนไลน์แบบ 100% ได้เน็ตเยอะ ในราคาประหยัดที่สุดในตลาด

ตอบโจทย์อินไซด์และอินเนอร์ของคนออนไลน์รุ่นใหม่ (Generation C) ที่ชื่นชอบความอิสระ สะดวกสบาย ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังเข้ากับสถานการณ์โควิด-19 ที่คนกำลังมองหาแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตราคาประหยัด แต่ให้เน็ตเยอะ เพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตและทำทุกอย่างผ่านออนไลน์ได้ง่ายๆ จากบนมือถือของคุณเอง

ลูกค้าสามารถจัดการทุกอย่างผ่านออนไลน์ 100% ได้ด้วยตัวเองง่ายๆ ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชม. บนแอปพลิเคชั่น GOMO ตั้งแต่เข้าไปสั่งซื้อซิมผ่านทางเว็บไซต์ เลือกแพ็กเกจ เลือกเบอร์ ชำระเงิน แล้วรอรับซิมที่บ้าน จากนั้นแสดงตนผ่าน VDO Call เพื่อเปิดใช้งานได้ทันที พร้อมทั้งมีทีมแชทคอยให้คำแนะนำบริการตลอดเวลา และใช้งานได้เร็วแรงเต็มประสิทธิภาพ มั่นใจได้บนเครือข่ายที่ดีที่สุดของ   เอไอเอสทั้ง 5G, 4G, AIS Super WiFi

ลูกค้าใหม่ และลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม สามารถสั่งซื้อและเปิดใช้งานซิม GOMO ได้ง่ายๆ ดังนี้

1.      เข้าเว็บ www.gomo.th จากนั้นเลือกแพ็กเกจหลัก ราคาเดียว 299 บาท

2.      เลือกเบอร์ที่ชอบ กรอกที่อยู่สำหรับจัดส่งซิม

3.      ผูกบัตรเดบิต/เครดิต หรือผ่าน Rabbit LINE Pay Wallet กรอกข้อมูลให้เรียบร้อย แล้วรอรับซิมที่บ้านได้เลย

4.      เมื่อได้รับซิมแล้ว เตรียมบัตรประชาชนให้พร้อมกด VDO Call ยืนยันตัวตนผ่านแอปฯ GOMO ได้เลย สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น GOMO ได้ที่ App Store และ Play Store

โปรโมชั่นพิเศษ สำหรับลูกค้าที่เปิดเบอร์ใหม่และสมัครแพ็กเกจระบบรายเดือนของ GOMO ตั้งแต่     วันนี้ – 30 มิถุนายน 2563 ได้แก่

–          แพ็กเกจหลักรายเดือนราคาเพียง 299 บาท (รวม VAT)

–          เน็ตเยอะเต็มสปีด 50 GB และใช้เน็ตต่อเนื่องไม่อั้นที่ความเร็ว 512 Kbps

–          โทรฟรี 100 นาที / ส่ง SMS ได้ 200 ครั้ง / AIS SUPER WiFi ไม่อั้น

–          รับฟรี!  แพ็กเกจ YouTube Premium ให้ชมยูทูป คอนเทนต์นับล้านๆ ได้แบบไม่สะดุด ไม่มีโฆษณาคั่น 

–          รับฟรี!  แพ็กเกจ Work Anywhere ใช้เน็ตได้ไม่จำกัดสำหรับ Office 365 และ ZOOM 

–      รับฟรี! กรมธรรม์ประกันชีวิตไวรัสโคโรนา คุ้มครองการเจ็บป่วยด้วยภาวะหรือโรคร้ายแรงที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสูงสุด 100,000 บาท หรือหากเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รับเงินประกันรวม 10,000 บาท โดยความคุ้มครองจะเริ่มต้นในวันถัดไปจากวันที่ลูกค้าเปิดใช้บริการ เวลา 00.01 น. ระยะเวลาความคุ้มครองทั้งสิ้น 45 วัน (รวมระยะเวลารอคอย 14 วัน)  

สามารถดูรายละเอียดการสมัคร และเงื่อนไขแพ็กเกจเพิ่มเติมได้ที่ www.gomo.th

นายกฯ ตั้งคณะกรรมการติดตามแก้ปัญหาการบินไทย

รายงานข่าว เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหา บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา

โดยคณะกรรมการดังกล่าว ประกอบด้วย

  1. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
  2. นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์
  3. นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง
  4. นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม
  5. นายชยธรรมม์ พรหมศร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
  6. นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม
  7. นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
  8. นางสาวรื่นฤดี สุวรรณมงคล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
  9. นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เป็นทั้งกรรมการและเลขานุการด้วย

โดย คณะกรรมการ มีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้

  • เป็นตัวแทนภาครัฐในการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาบริษัทการบินไทย ในการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้คำสั่งศาลและการดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องในทุกขั้นตอน
  • ให้คำแนะนำแก่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการ แก้ไขปัญหาบริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน)เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของภาครัฐโดยไม่เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาของศาล
  • กลั่นกรอง ตรวจสอบและอำนวยความสะดวกหรือประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์แก่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ และการดำเนินกิจกรรมของบริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน) ตามที่การร้องขอและไม่ขัดต่อกฎหมาย
  • ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี มอบหมาย
  • รายงานการปฏิบัติงานพร้อมทั้งเสนอความเห็นต่อครม.เป็นระยะๆ

เอไอเอส ใช้ 5G อัพประสิทธิภาพ “หน่วยรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ศิริราช”

นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า เอไอเอสได้นำนวัตกรรมเครือข่ายและเทคโนโลยี สนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลศิริราชมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงระบาดของโควิด-19 ที่เอไอเอสได้เดินหน้าภารกิจ AIS 5G สู้ภัยโควิด-19  ส่งมอบนวัตกรรมหุ่นยนต์บริการทางการแพทย์​ 5G ROBOT FOR CARE เพื่อเป็นผู้ช่วยแพทย์และพยาบาลในการดูแลผู้ป่วย ช่วยลดงาน ลดเสี่ยงติดเชื้อ พร้อมติดตั้งเครือข่าย 5G เพื่อรองรับการใช้งานเทคโนโลยีและโซลูชันส์ทางการแพทย์ที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และการตอบสนองที่รวดเร็วอย่างยิ่ง 

ล่าสุด เอไอเอสยินดีที่ได้ให้การสนับสนุน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ยกระดับการแพทย์เคลื่อนที่ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ด้วยนำศักยภาพเครือข่าย 5G, 5G CPE อุปกรณ์รับและกระจายสัญญาณ 5G , ซิมการ์ด 5G เข้ามาเสริมประสิทธิภาพหน่วยรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ศิริราช เพิ่มขีดความสามารถการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โดยนำเครือข่าย 5G เข้ามาเสริมประสิทธิภาพระบบปรึกษาทางไกลกับแพทย์เฉพาะทางที่อยู่ทางโรงพยาบาล พร้อมกล้องส่งสัญญาณภาพ เพื่อให้แพทย์สนทนากับผู้ป่วยขณะอยู่บนรถ เพื่อวินิจฉัยการรักษาเบื้องต้น และเตรียมพร้อมวางแผนการรักษาก่อนมาถึงโรงพยาบาล เพื่อร่วมดูแลคุณภาพชีวิตคนไทยและยกระดับการรักษาพยาบาลให้เข้าถึงคนไทยได้อย่างไร้ข้อจำกัด สอดคล้องกับแนวคิด “5G ที่จับต้องได้ เพื่อทุกชีวิต”

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์  วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า หน่วยรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ศิริราช ช่วยให้เข้าถึงการรักษาในระยะฉุกเฉินแก่ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันทั้งชนิดตีบและแตกอย่างรวดเร็ว ลดระยะเวลาในการเปิดหลอดเลือดสมองที่อุดตัน ทำให้อัตราการเสียชีวิตและพิการลดลงได้ โดยจะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ที่มีอาการตาตก ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรง แบบเบ็ดเสร็จในรถ ตั้งแต่เริ่มมีอาการไม่เกิน 4 ชั่วโมง โดยผู้พบผู้ป่วยโทรแจ้ง 1669 เข้าศูนย์เอราวัณ  ทางศูนย์ฯ จะคัดกรอง แล้วแจ้งต่อไปยังหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (EMS) ในเขตที่ดูแลเพื่อให้เข้าไปรับผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อตรวจคัดกรองอาการ และนำผู้ป่วยมาที่จุดนัดพบสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ขณะเดียวกันทางศูนย์เอราวัณก็แจ้งหน่วยรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ศิริราช ที่มีผู้เชี่ยวชาญโรคหลอดเลือดสมองเป็นผู้รับสายและซักถามอาการ และตามทีมแพทย์ พยาบาล นักรังสีการแพทย์ และพนักงานขับรถ ให้ออกปฏิบัติการรับผู้ป่วย เพื่อการรักษาในรถของหน่วยรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ศิริราชที่จุดนัดพบ ขณะนี้ รถรุ่นใหม่ หน่วยรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ศิริราช 2020 จำนวน 3 คัน อยู่ระหว่างการผลิต กำหนดแล้วเสร็จของรถคันที่ 2 ประมาณเดือนสิงหาคม 2563 และคันที่ 3 และ 4 จะแล้วเสร็จภายในปี 2563

ด้าน รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า  เทคโนโลยีด้านการสื่อสาร 5G ที่มีเสถียรภาพและความเร็วสูง ผสานกับการออกแบบตัวรถและระบบ Mobile Stroke Unit จะช่วยเรื่องการติดต่อสื่อสารแบบสองทาง การส่งภาพ CT Scan สมองและสัญญาณชีพของผู้ป่วย ซึ่งเป็นข้อมูลขนาดใหญ่ สามารถทำได้อย่างรวดเร็วเสมือนกับผู้ป่วยได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหลอดเลือดสมอง แม้ว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะอยู่ห่างออกไปหลายร้อยหรือหลายพันกิโลเมตรก็ตาม ด้วยข้อมูลที่เป็นเรียลไทม์และมีความละเอียดสูงจะส่งผลให้การตัดสินใจวางแผน และทำการรักษาของบุคคลากรการแพทย์สามารถกระทำได้ทันทีและแม่นยำก่อนผู้ป่วยจะเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ดังนั้น การมีเทคโนโลยี 5G จะเพิ่มโอกาสให้กับผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกล และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ขั้นสูงของประชาชนคนไทย” 

ได้เวลาสร้าง “ความมั่งคั่ง” ให้ตัวเอง

การวางแผนทางการเงิน เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง และละเลยเสียไม่ได้

ประกอบด้วยหลายองค์ประกอบ ทั้งการบริหารรายรับ จัดการรายจ่าย หนี้สิน จัดสรรเงินออม การลงทุนเพื่อเพิ่มดอกผลของเงินออม

ทั้งหมดนั้นก็เพื่อสร้าง ความมั่งคั่งทางการเงิน

หลายคนทราบหรือไม่ว่า ทำไมเราถึงต้องเร่งสร้างความมั่งคั่งทางการเงิน

คำตอบคือ ตราบใดที่เรายังมีแรงทำงาน หาเงินได้ ก็ไม่น่าห่วง แต่เมื่อใดที่เราเกษียณ หรือไม่ได้ทำงานแล้วต่างหาก เราจะเห็นความสำคัญของ ความมั่งคั่งทางการเงิน

อย่างที่กล่าว รายรับหยุดได้ แต่รายจ่ายไม่เคยหยุดตาม

คิดคร่าวๆ คนทั่วไปจะหยุดทำงานตอนเกษียณอายุ 60 ปี มีเวลาใช้ชีวิตที่เหลือชิลด์ๆไป เอาสักถึง 85 ปี เท่่ากับว่า เราได้วีซ่าอยู่บนโลกหลังเกษียณ ประมาณ 300 เดือน

คิดเผื่อมั้ยว่า ตัวเราในตอนนั้น ต้องการใช้เงินเดือนละเท่าไร ถ้าไม่ได้ทำงานแล้ว หรือเรี่ยวแรงหาเงินน้อยกว่าเราในตอนนี้

ถ้าเอาแบบอยู่ง่ายกินง่าย ไม่มีภาระอะไร ขอใช้เดือนละ 1 หมื่น ก็ลองคูณ 300 เข้าไป ตกแล้วเราต้องมีเงินเก็บ 3 ล้านบาทจ้า

แต่เดี๋ยวก่อน จากตัวเลขสำนักสถิติแห่งชาติ บอกว่า รายจ่ายภาคครัวเรือน ตกอยู่ประมาณเดือนละ 2.1 หมื่นบาท เท่ากับเราต้องมีเงินหลังเกษียณ 6.3 ล้านบาทถึงจะอุ่นใจ

ยัง ยังไม่พอ ตัวเลขกลมๆ จะ 3 ล้าน หรือ 6 ล้านนี้ เรายังไม่ได้คิดเผื่ออัตราเงินเฟ้อเสียด้วยซ้ำ

จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เราควรเริ่มคิดวางแผนการเงินกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ ตอนก่อนเกษียณ เพื่อที่จะให้เราใช้ชีวิตหลังเกษียณบนความมั่งคั่งที่ยั่งยืน

ดั่งคำสอนที่เตือนกันว่า ชีวิตหลังความตาย ไม่น่ากลัวเท่า ชีวิตหลังเกษียณที่ไม่มีเงินใช้

วันนี้ คุณล่ะ เตรียมเงินไว้พอใช้ตอนแก่ ตอนไม่ได้ทำงาน ตอนเจ็บป่วน ตอนเจอเหตุฉุกเฉิน กันแล้วหรือยัง!!

ที่มา ห้องเรียนนักลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

เงาหุ้น : ผลกระทบหุ้นแบงก์กับ THAI!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 พ.ค. 63  ปิด  1,320.98 จุด  เพิ่มขึ้น  17.01 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 53,806.12 ล้านบาท     ต่างชาติขายสุทธิ 156.03 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น จากความคาดหวังการคลายล็อกดาวน์เฟส 3 แม้ยังมีความกังวลกับสถานการณ์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะความตรึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐฯ

                ขณะที่หุ้น THAI  ร่วงต่อจากปลายสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 4.34บาท ลบ 0.56 บาท ส่วน บล.ทิสโก้ ออกบทวิเคราะห์ผลกระทบการฟื้นฟูกิจการของ THAI ต่อหุ้นกลุ่มแบงก์กับ โดยทิสโก้ มองตามประเด็นดังนี้  

1.THAI ขอให้ศาลช่วยปรับโครงสร้าง และพักการชำระหนี้ เพื่อให้การบินไทยและเจ้าหนี้ได้มีเวลาในการเจรจาหาทางออก

                2. เจ้าหนี้บางรายอาจขาดทุน โดยเชื่อว่า ทางออกในการปรับโครงสร้างหนี้คือ การยอมปรับลดหนี้สินต่อทุนลงจากเดิมที่ 10.7 เท่า เป็น 3 เท่า  โดยคาดว่า THAI รายได้จะลดลง 70% YoY จากนักท่องที่ยวที่ลดลง และ THAI จะต้องปรับลด OPEX ลง  ขณะที่การตั้งสำรองพนักงานจะคงเดิม แต่ THAI มีการปรับลดค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงเครื่องบินลง กรณีนี้จะทำให้ OPEX ที่เป็นเงินสดลดลง 37% YoY และ CFO ลดลงเป็นขาดทุน 5.54 หมื่นล้านบาท

                3. ณ สิ้นปี 62 THAI มีหนี้สิน 2.45 แสนล้านบาท โดย  1.47 แสนล้านบาท เป็นหนี้ที่มีดอกเบี้ย แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักคือ หนี้เงินกู้ 2.7 หมื่นล้านบาท  โดยปี 62  KTB ให้เงินกู้ระยะสั้นต่อ THAI  3.5 พันล้านบาท และวงเงินเพิ่มเติม 3 พันล้านบาท แต่ไม่รู้ว่าใช้ไปแล้วแค่ไหน ขณะที่ยังมีเจ้าหนี้ธนาคารอื่นอีก 8.9 พันล้านบาท

                หนี้ส่วนที่สองหนี้สินเชื่อเช่าซื้อเครื่องบิน 32 ลำ มูลค่า 4.7 หมื่นล้านบาท จาก 21 สถาบันการเงินทั้งในไทย และต่างประเทศ โดยธนาคารไทยที่ปล่อยกู้คือ KBANK วงเงิน 2.5 พันล้านบาท เมื่อปี 2013 ร่วมกับ Credit Agricole และ Landesbank เพื่อซื้อเครื่องบิน  AirBus 330-300 จำนวน 2 ลำ ราคา 137.8 ล้านยูโร ทำให้เชื่อว่ามีโอกาสที่หนี้สินในส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นตามสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น

                หนี้ส่วนที่สามคือ หนี้หุ้นกู้  7.4 หมื่นล้านบาท โดยกว่าครึ่ง (3.6 หมื่นล้านบาท) ถือโดยเครดิตยูเนี่ยนต่างๆ ขณะที่ KTB ถือ 750 ล้านบาท แต่สัดส่วนอื่นๆไม่มีข้อมูล สำหรับธนาคารที่มีการถือหุ้นกู้มาก และมีโอกาสที่จะเสี่ยงคือ BAY, KBANK และ BBL เสี่ยงกว่าธนาคารอื่นๆ

                สำหรับหนี้ส่วนที่เหลือ ต้องติดตามคดีในศาลว่ามีเจ้าหนี้รายใด ที่มารายงานตัวต่อศาลเพื่อมีส่วนร่วมในแผนฟื้นฟูของ THAI!!

ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

แต่งตั้งบอร์ดการบินไทยใหม่ 4 คน พีระพันธุ์-บุญทักษ์-ไพรินทร์-ปิยสวัสดิ์

รายงานข่าว เปิดเผยว่า บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีเนื้อหาว่า ในวันนี้ (25 พ.ค.) บริษัทการบินไทยได้จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งพิเศษ ซึ่งที่ประชุมมีมติแต่งตั้งกรรมการบริษัทใหม่ จำนวน 4 คน ได้แก่

  • นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค แทนนายปิติพันธ์ เทพปฎิมากรณ์
  • นายบุญทักษ์ หวังเจริญ แทนนายพินิจ พัวพันธ์
  • นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร แทนนางปรารถนา มงคลกุล และ
  • นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ แทนน.ส.ศิริกุล เลากัยกุล

โดยมีผลตั้งแต่วันนี้(25พ.ค.63)เป็นต้นไป

เอไอเอส ยืนยัน ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลลูกค้าอย่างดี ไม่มีการรั่วไหล

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าสายงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการรายงานข่าวในต่างประเทศเกี่ยวกับการรั่วไหลของข้อมูลลูกค้าเอไอเอส นั้น บริษัทขอชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า แต่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานอินเตอร์เน็ตในภาพรวมบางส่วน และไม่ใช่ข้อมูลที่สามารถก่อให้เกิดความเสียหายด้านการเงินหรือด้านอื่นๆ  

กรณีดังกล่าว เกิดจากการทดสอบเพื่อปรับปรุงคุณภาพเครือข่ายที่มีขึ้นในเดือนพฤษภาคม และภารกิจดังกล่าวได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว โดยขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่มีลูกค้ารายใดได้รับผลกระทบทั้งด้านการเงินและด้านอื่นๆอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ เอไอเอสให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ที่ผ่านมา ได้มีการปฏิบัติตามและทบทวนขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดตามมาตรฐานระดับสากล อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ต้องขออภัยที่อาจทำให้ลูกค้าเป็นกังวลใจจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น  ซึ่งขณะนี้เอไอเอสได้แก้ไขปรับปรุงขั้นตอนการใช้ข้อมูลเพื่อทดสอบบริการเรียบร้อยแล้ว โดยท้ายที่สุดนี้ ขอให้ลูกค้าและประชาชนโปรดมั่นใจและเชื่อมั่นในมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่บริษัทฯดำเนินการมาโดยตลอด

ซีพีเอฟ จัดโปรฯ เมนูข้าวกล่อง 20 บาท อิ่มแถมปลอดภัยจากโควิด-19

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟ ได้คัดเลือกข้าวกล่องที่ผลิตจากโรงงานที่ได้การรับรองมาตรฐานโลก จากวัตถุดิบคุณภาพดี จำนวน 6 เมนู คือ ข้าวอกไก่ซอสจิ้มแจ่ว ข้าวอกไก่ย่างซอสเกาหลี ข้าวไก่สไปซี่ ข้าวผัดไก่ย่างซอสเกาหลี ข้าวตับกระเทียม และข้าวไข่เจียว ซึ่งเป็นการผลิตขึ้นเป็นพิเศษเพื่อช่วยเหลือคนไทยในช่วงที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และจำหน่ายในร้านซีพีเฟรชมาร์ท 150 สาขาทั่วกรุงเทพมหานครและภาคกลาง

“บริษัทฯ คัดเลือกข้าวกล่องเป็นเมนูอาหารคุณภาพมาตรฐานส่งออกที่บริษัทผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษ มีคุณค่าทางโภชนาการ อร่อยและปลอดภัย 1 ล้านกล่อง ในราคาพิเศษสุด 20 บาท ที่อุ่นร้อนและทานได้ทันที เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน และคืนสิ่งดีๆให้กับสังคมร่วมสู้วิกฤติโควิดไปด้วยกัน”

นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังจะได้รับส่วนลดเพิ่มเติมเมื่อซื้อครบ 5 กล่อง ในราคา 95 บาท เมื่อจ่ายเงินด้วย TrueWallet เพื่อเพิ่มความปลอดภัยลดสัมผัสจากการจ่ายเงินสด

ซีพีเอฟ ยังนำข้าวกล่องเมนูดังกล่าวไปแจกฟรีให้กับผู้มีรายได้น้อยในชุมชนแออัดในกรุงเทพมหานครทุกวันอังคาร พฤหัสบดีและเสาร์ โดยอุ่นร้อนในรถ CPF Food Truck ให้คนไทยได้บริโภคอาหารสุก อร่อยและปลอดภัย

สินค้าข้าวกล่องทั้ง 6 เมนู ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จากการสำรวจความพึงพอใจของผู้บริโภคทั้งคุณภาพและปริมาณที่เพียงพอต่อการความต้องการในแต่ละมื้อ ทั้งยังเป็นทางเลือกของลูกค้าในการซื้อในจำนวนมากเพื่อนำไปแบ่งปันให้กับสังคม โดย ซีพี เฟรชมาร์ท มีบริการรับสั่งออนไลน์และจัดส่งให้ตามจุดที่ต้องการ และได้คัดเลือกสินค้าเป็นพิเศษโดยเน้นอาหารที่เป็น” ครัวของบ้าน” และสินค้ารายการอื่นๆ นำมาลดราคาพิเศษ เพื่อจำหน่ายในร้าน 350 สาขาทั่วประเทศ

ซีพีเอฟ ดำเนินการส่งมอบอาหารคุณภาพดีและปลอดภัยอย่างต่อเนื่องภายใต้ “โครงการซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจร่วมต้านภัยโควิด19” ให้กับโรงพยาบาลของรัฐแล้ว 200 แห่ง ตลอดจนผู้เฝ้าระวังที่กลับจากประเทศเสี่ยงอีก 20,000 คน และยังคงเดินหน้า “โครงการซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจให้โรงพยาบาลรัฐ ครอบครัวแพทย์-พยาบาล” ซึ่งกำลังทยอยส่งมอบอาหารในขณะนี้จำนวน 20,000 คน รวมถึงโครงการคูปองจากใจ..ให้ อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) จำนวน 1 ล้านใบ สามารถใช้ส่วนลดในคูปองได้ที่ร้าน ซีพี เฟรชมาร์ท

“ซีพีเอฟ ดำเนินธุรกิจตามปรัชญา 3 ประโยชน์ คือประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชนและบริษัทเป็นอันดับสุดท้าย วันนี้ประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤต เราต้องเสริมพลังให้ประเทศแข็งแกร่งมากขึ้น ให้ทุกคนร่วมฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน ”