“อาแปะ” สาธิต บวรสันติสุทธิ์
กูรูปลดหนี้บอกว่า ใครกลุ้มใจกับการเป็นหนี้ โปรดฟังทางนี้ เรามีทางออก
รู้แล้ว ต้องมีสติและทำอย่างมุ่งมั่น!
ขอให้ทุกคนโชคดี ปลดหนี้ มีเงินออม
“อาแปะ” สาธิต บวรสันติสุทธิ์
กูรูปลดหนี้บอกว่า ใครกลุ้มใจกับการเป็นหนี้ โปรดฟังทางนี้ เรามีทางออก
รู้แล้ว ต้องมีสติและทำอย่างมุ่งมั่น!
ขอให้ทุกคนโชคดี ปลดหนี้ มีเงินออม
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 มิ.ย.63 ปิดที่ 1,374.18 จุด เพิ่มขึ้น 21.81 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 70,987.07 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,089.51 ล้านบาท
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ออกบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจระบุถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์จาก 7 พฤติกรรม New Normal ดังนี้ 1.พฤติกรรมการใช้ Digital & Online Platform มากขึ้น ทั้งระดับองค์กรและประชาชน หุ้นได้ประโยชน์ : ADVANC, DTAC, TRUE, DELTA, HANA, DIF, JASIF, HUMAN, VGI (ในส่วนของ Kerry), SCC, UTP หุ้นเสียประโยชน์ : CPN, CPNREIT, BKER, TLGF, FUTUREPF, MJLF, BBL, KTB, KBANK, SCB, TMB
2.พฤติกรรมเดินทางน้อยลง ทำงานจากบ้าน (WFH) ประชุมผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น และการจ้างงานลดลง หุ้นได้ประโยชน์ : ADVANC, DTAC, TRUE, DELTA, HANA, DIF, JASIF หุ้นเสียประโยชน์ : BOFFICE, CPNCG, CPTGF, GVREIT, POPF, TPRIME, AOT, AAV, NOK, THAI, BEM, BTS, BTSGIF, TFFIF, ERW, CENTEL, MINT, LHPF, LHHOTEL, QHHR, DREIT
3.พฤติกรรมใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น และลดใช้พลังงานฟอสซิล หุ้นได้ประโยชน์ : SPCG, EA หุ้นเสียประโยชน์ : PTTEP, PTT, BANPU, LANNA
4.พฤติกรรมใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) มากขึ้น ใช้รถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิงน้อยลง หุ้นได้ประโยชน์ : DELTA, KCE, EA หุ้นเสียประโยชน์ : LHK (ชิ้นส่วนที่จะหายไป คือ เครื่องยนต์, ตลับลูกปืน, เกียร์, ท่อไอเสีย, หม้อน้ำ, ถังน้ำมัน, ชิ้นส่วนระบบส่งกำลัง, เพลา, ลูกสูบ และเทอร์โบ เป็นต้น)
5.พฤติกรรมหันมาทำประกันชีวิตและสุขภาพมากขึ้น หุ้นได้ประโยชน์ : BLA, TIP, AYUD, SMK เป็นต้น 6.สังคมสูงวัยขยายตัวใหญ่ขึ้น (เกิดขึ้นอยู่แล้วแม้ไม่มีโควิด-19) หุ้นได้ประโยชน์ : BDMS, BH, CHG, RJH, BCH, RPH
7.พฤติกรรมเลือกซื้อที่พักอาศัยแนวราบนอกเมืองที่พร้อมด้วย Digital Facilities มากขึ้น หุ้นได้ประโยชน์ : AP, LH, QH, SPALI, SC เป็นต้น หุ้นเสียประโยชน์ : ANAN, ORI, LPN เป็นต้น (ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนแผนกลยุทธ์ธุรกิจ)
ขณะที่ให้เลี่ยงหุ้นนิคมอุตสาหกรรม เพราะการล็อกดาวน์ของแต่ละประเทศ ทำให้ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ทั่วโลก เกิดปัญหา ดังนั้นจึงมองว่าจะเกิดการดึงฐานผลิตกลับประเทศ เพื่อลดการพึ่งพา ภายนอกลง คาดบริษัทที่จะเสียประโยชน์จากประเด็นนี้ ได้แก่ AMATA, WHA, AMATAR, HREIT, FTREIT, WHART!!
ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
รายงานข่าวจาก บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทย ได้เผยแพร่การเชิญให้รับชมการประชุม เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และบุคคลที่เกี่ยวข้อง และชี้แจงแนวทาง ขั้นตอนการแก้ไข ประเด็นพิจารณา และการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัท ในวันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563 เวลา 14.15 – 15.00 น.
โดยผู้สนใจ สามารถรับชมออนไลน์ได้ทางช่องทางต่อไปนี้
? เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
?? set.or.th/streaming/cupdate
? YouTube Channel: SET Group Official
?? youtube.com/user/setgroupofficial
รายงานข่าว เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการขึ้นเครื่องหมายบนหลักทรัพย์จดทะเบียนตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะขึ้นเครื่องหมายไว้บนหลักทรัพย์จดทะเบียน เพื่อเตือนผู้ลงทุนให้เพิ่มความระมัดระวังในการพิจารณาลงทุน แต่ผู้ลงทุนยังสามารถซื้อขายหลักทรัพย์นั้นได้ เช่น
และจะเข้าเกณฑ์ในการพิจารณาเหตุเพิกถอนหากบริษัทจดทะเบียนมีปัญหาฐานะการเงิน หรือ ไม่ปฏิบัติตามเกณฑ์อันมีผลกระทบร้ายแรง เช่น ส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์
สำหรับกรณีที่มีการซื้อขายผิดปกติ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำหน้าที่เป็นด่านแรกในการตรวจสอบและหากพิจารณาว่าอาจเข้าข่ายการกระทำความผิดก็จะรวบรวมข้อมูลส่งให้ ก.ล.ต. เพื่อตรวจสอบในเชิงลึกและดำเนินการกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นต่อผู้ลงทุน
โครงการ “อาหารปลอดภัย จากใจ…สู่ชุมชน” ความร่วมมือระหว่างบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อน ด้านอาหารให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยนำทีมจิตอาสาซีพีเอฟ และรถ CPF Food Truck ส่งมอบอาหารสำเร็จรูปคุณภาพจากโรงงานไปอุ่นร้อนเป็นมื้อกลางวันให้พี่น้องประชาชนแล้ว 10 ชุมชน ในเขตบางกอกน้อย ได้แก่ สำนักงานเขตบางกอกน้อย ชุมชนวัดยางสุทธาราม วัดสุวรรณาราม วัดอัมพวา วัดรวกสุทธาราม ชุมชนหลังตลาดนครหลวง วัดบางบำหรุ วัดดุสิดาราม ชุมชนซอยประชาร่วมใจ และวัดไชยทิศ
ด.ช.วราเมธ รอดไพรี อายุ 11 ปี นักเรียน บอกว่า ช่วงนี้โรงเรียนปิด ต้องเรียนผ่านทีวีเท่านั้น แล้วรายได้ของพ่อก็ลดลง ดีใจมากที่มีโครงการมาแจกอาหาร ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนไปอีกมื้อ
น.ส.อุดมลักษณ์ พินิจสุทธาโภชน์ อายุ 43 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว เปิดเผยว่า ซีพีเอฟเป็นเจ้าแรกที่เข้ามาแจกอาหารให้กับคนในชุมชน ตอนนี้หลายคนได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 อย่างมาก ขอบคุณที่มาช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ทำให้มีกำลังใจและช่วยคลายกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายไปได้
น.ส.วรนาถ ทองสัจจา อายุ 78 ปี รับจ้างทั่วไป ถ่ายทอดความรู้สึกว่า ดีใจที่ซีพีมาแจกข้าวให้คนในชุมชน หลายคนรายได้ลดลง บางคนถึงขั้นตกงาน ป้าเองปกติรับจ้างทำริบบิ้น ตอนนี้ไม่มีงานเลย ต้องใช้จ่ายประหยัดมากๆ
นายกอบศักดิ์ สงวนชื่อ อายุ 50 ปี ธุรกิจส่วนกิจส่วนตัว กล่าวว่า ตอนนี้รายได้ลดลงมาก วันนี้ดีใจมากที่ซีพีนำอาหารมามอบให้ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนไปได้ อยากให้มีโครงการดีๆ แบบนี้เรื่อยๆ ครับ
สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้เราเห็นถึงน้ำใจของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และคนทั่วไป ที่ร่วมมือกันช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจากวิกฤตนี้ ซีพีเอฟ เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่เคียงข้างคนไทยเสมอ และดำเนินโครงการช่วยเหลือประชาชนในรูปแบบต่างๆ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมฝ่าวิกฤต
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. เห็นชอบหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดิน เพื่อลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะจัดเก็บตามกฎหมายว่าด้วยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ให้เหมาะสมกับสภาพความจำเป็นทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19และเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนในทุกสาขาอาชีพโดยรวม โดยมีสาระสำคัญคือ
กำหนดให้ลดภาษีในอัตราร้อยละ 90 ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้ตามมาตรา 42 หรือมาตรา 95 แล้วแต่กรณี (สำหรับการจัดเก็บภาษีของปีภาษี พ.ศ.2563) สำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ดังนี้
1)ที่ดินหรือสั่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม
2)ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย
3)ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์นอกเหนือจาก 1) และ 2)
4)ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ
ตัวอย่างการคำนวณการลดภาษีในอัตราร้อยละ 90 ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้ มีดังนี้
อย่างไรก็ตาม การลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปี 2563 คาดว่าจะทำให้การจัดเก็บรายได้ลดลง 39,420 ล้านบาท แต่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยบรรเทาผลกระทบให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดิน จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 1 มิ.ย.63 ปิดที่ 1,352.37 จุด บวก 9.52 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 65,154.66 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,393.92 ล้านบาท
“ณัฐชาต เมฆมาสิน” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ มองการลงทุนเดือน มิ.ย.ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ มีโอกาสพัฒนาไปสู่สงครามการค้ารอบสอง มีน้ำหนักต่อการลงทุนมากขึ้น หลังสภาประชาชนแห่งชาติของจีนผ่านกฎหมายความมั่นคงในฮ่องกง
โดยสหรัฐฯ ประกาศขึ้นบัญชีดำกับบริษัทจีนบางแห่ง และจีนตอบโต้ด้วยการกำหนดค่ากลางเงินหยวนให้อ่อนค่ามากขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แนะจับตาค่ากลางเงินหยวนนี้ใกล้ชิด หากอ่อนค่ามากขึ้นจะเป็นสัญญาณไม่ดีถึงโอกาสที่สหรัฐฯ จะกลับมาขึ้นบัญชีดำจีน กรณีบิดเบือนค่าเงิน และออกมาตรการตอบโต้ทางการค้าต่างๆได้
สถานการณ์เช่นนี้ แนะนำหลีกเลี่ยงลงทุนหุ้นวัฏจักร (Cyclical) เช่น พลังงาน ปิโตรเคมี อิเล็กทรอนิกส์ และหลบเข้าลงทุนหุ้นกลุ่มปลอดภัยจากปัจจัยภายนอกคือ 1. กลุ่มโรงไฟฟ้า แนะนำ BGRIM, GPSC, GULF, RATCH, EGCO
2.กลุ่มสื่อสาร เชียร์ ADVANC, INTUCH 3. กลุ่มขนส่งมวลชน ชอบ BTS, BEM 4. กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร แนะนำ CPF สำหรับหุ้นใหญ่ และ TFG, GFPT, ASIAN, CFRESH, CHOTI, APURE, SUN, RBF, XO, MALEE 5.หุ้นขนาดกลาง-เล็กชอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ชู JMT เด่น 6.หุ้นเก็งกำไรบนธีมย้ายฐานการผลิตจากสงครามการค้า เช่น กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม แนะนำ AMATA
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนเดือนนี้ ให้กระจายเงินลงทุนบางส่วนไปหุ้นขนาดกลางและเล็กเพราะจะเป็นกลุ่มหุ้นที่แข็งแกร่งกว่าตลาดช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า เนื่องจากกำไรหุ้นมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าหุ้นใหญ่ใน SET50 ที่ยังเสี่ยงถูกลดประมาณการ และหุ้นขนาดกลางและเล็ก ซื้อขายต่ำกว่าตลาดมากว่า 3 ปี พี/อี ยังถูก มีโอกาสที่กำไรจะโต 50% ในปีหน้า ขณะที่กำไรหุ้นใหญ่จะโตเพียง 20%
หุ้นน่าสนใจเดือนนี้ ได้แก่ การประกาศรายชื่อหุ้นที่จะนำเข้า-ออก SET50 และ SET100 ที่จะมีผลในเดือน ก.ค.เป็นต้นไป คาดว่าหุ้นที่จะนำเข้าคำนวณใน SET50 คือ TTW, BBP ส่วนที่จะถูกถอดคือ WHA และ BANPU
สำหรับ SET100 หุ้นที่คาดว่าจะนำเข้าคำนวณคือ ACE, TVO, WHAUP, DOHOME, SIRI, RBF, SISB ส่วนหุ้นที่จะถูกถอดออกคือ MBK, THG, THAI, ERW, STPI, BGC และ PSL!!
ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
รายงานข่าว เปิดเผยว่า วันนี้ (1 มิ.ย.) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ได้ส่งหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้แจงกรณีเหตุผิดนัดภายใต้ข้อกำหนดสิทธิของหุ้นของการบินไทย โดยมีเนื้อหาว่า
ตามที่การบินไทยได้ออกและเสนอขายตราสารหนี้นั้น บริษัทได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการโดยศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ ที่บริษัทได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 แล้ว เมื่อการบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการของบริษัทดังกล่าว ถือเป็นเงื่อนไขที่เป็นเหตุผิดนัด (Events of Default) ภายใต้ข้อกำหนดว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้อออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้สำหรับหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัท โดยมีรายละเอียดดังนี้
สำหรับหุ้นกู้การบินไทย ครั้งที่ 2/2562 ที่เป็นหุ้นกู้ชุดล่าสุดที่ออกมามี 5 ชุด มูลค่ารวม 8,788 ล้านบาท
ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ได้มีหนังสือมายังบริษัท เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 โดยขอให้บริษัทชำระหนี้หุ้นกู้ทั้งหมดโดยพลัน ซึ่งทำให้หุ้นกู้ดังกล่าวถึงกำหนดชำระโดยพลัน แต่เนื่องจากบริษัทกำลังอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ จึงมีผลทำให้บริษัทอยู่ในสภาวะพักการชำระหนี้ (Automatic Stay) และจะไม่สามารถชำระหนี้หุ้นกู้ดังกล่าวได้ ซึ่งการชำระหนี้เงินดังกล่าวถือเป็นเหตุผิดนัด (Events of Default) ภายใต้ข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้เช่นกัน
นอกจากนี้ การไม่ชำระหนี้ภายใต้หุ้นกู้ชุดที่เกี่ยวข้อง ยังอาจเป็นเหตุผิดนัดภายใต้หุ้นกู้ชุดอื่นๆ (Cross Default) ด้วย
รายงานข่าว เปิดเผยว่า สำหรับหุ้นกู้ชุดอื่นๆ มีทั้งหมด 41 ชุด เป็นการออกตราสารหนี้เมื่อปี 55-63 ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2563-2577 มูลค่ารวม 62,820 ล้านบาท
นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส กล่าวว่า จากมาตรการผ่อนคลาย ระยะที่ 3 นับว่าเป็นข่าวดีที่หลายๆ ครอบครัว จะได้กลับมาใช้เวลาร่วมกัน มีความสุขจากการได้รับชมภาพยนตร์ แต่ด้วยวิถีชีวิตใหม่ หลัง COVID-19 รูปแบบการให้บริการ จะยกระดับด้านความปลอดภัยและดูแลเรื่องสุขอนามัยที่เข้มข้นขึ้น ตามมาตรการหลักขั้นสูงสุดของโรงภาพยนตร์ ที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มาใช้บริการ ตามมาตรการของภาครัฐอย่างเคร่งครัด เอไอเอส ขอมีส่วนร่วมในการนำศักยภาพเครือข่ายและเทคโนโลยี 5G เข้ามาร่วมสร้างมาตรฐานใหม่ในการพลิกฟื้นและเคียงข้างภาคธุรกิจและสังคมไทยอย่างยั่งยืน เพื่อให้ทุกภาคส่วนขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ด้วยวิถีชีวิตแบบปกติใหม่ New Normal ประกอบด้วย
1. ติดตั้งเครือข่าย 5G ครอบคลุมเต็มทุกพื้นที่ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของลูกค้าเอไอเอส ทั้งบนเครือข่าย 4G และ 5G
2. นำหุ่นยนต์อัจฉริยะ ช่วยปฏิบัติหน้าที่ในการคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิ และดูแลสุขอนามัยได้อย่างรวดเร็ว มีความแม่นยำสูง เพื่อลดการสัมผัสใกล้ชิด และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ภายในพื้นที่โรงภาพยนตร์ เริ่มต้นที่ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ และไอคอน ซีเนคอนิค โดยหุ่นยนต์ที่จะมาช่วยดูแลคนไทย ได้แก่
· หุ่นยนต์ ROBOT FOR CARE (ROC) ช่วยปฏิบัติหน้าที่คัดกรองและตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าโรงภาพยนตร์, วางเจลแอลกอฮอล์ให้บริการ
· หุ่นยนต์ AIS K9 บริการเจลแอลกอฮอล์ รอบๆ พื้นที่โรงภาพยนตร์
· หุ่นยนต์ PP มาทำหน้าที่ต้อนรับและแสดงตัวอย่างภาพยนตร์ที่กำลังเข้าฉายให้ลูกค้าได้รับชมก่อนตัดสินใจด้วย
· หุ่นยนต์ LISA ทำหน้าที่ต้อนรับ, ให้ข้อมูล และพัฒนาระบบนำทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุด ที่กำหนดไว้
3. มอบสิทธิพิเศษส่วนลดให้ลูกค้า AIS และ AIS Fibre ดูหนังราคา 120 บาท พิเศษ ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ พิเศษ! ลูกค้าเอไอเอส เซเรเนด รับ 2 สิทธิ์ ที่โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ทุกสาขา โดยลูกค้านำโทรศัพท์มากดรับสิทธิ์ ผ่านตู้ E-ticket หรือ แอป Major Cineplex โดยสงวนสิทธิ์ 1 หมายเลข / 1 สิทธิ์ / 1 เดือน (จำนวนจำกัด) ระยะเวลาการใช้สิทธิ์ ตั้งแต่วันนี้ – 27 ธ.ค. 63 นอกจากนี้ ยังสามารถนำ AIS Points มาแลกรับส่วนลดตั๋วหนัง หรือ ส่วนลดชุดป็อปคอร์น+เครื่องดื่ม ได้อีกด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่แอป my AIS
ด้าน นายนรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมให้บริการโรงภาพยนตร์ได้ในทันที ด้วยมาตรการ New Normal ขั้นสูงสุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการตามแผนป้องกันโควิด-19 เช่น การเว้นระยะห่าง Social Distancing ระหว่างที่นั่ง ทุก 2 ที่นั่ง, สัมผัสมาตรการพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับ Partition Shield ฉากกั้นระหว่างที่นั่ง ทุก 4 ที่นั่ง ที่ให้ความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย, หลังจบการฉายภาพยนตร์ในแต่ละเรื่องทุกรอบ จะต้องทำความสะอาดภายในโรงภาพยนตร์ด้วยการอบโอโซนและเช็ดทำความสะอาดเก้าอี้ที่นั่งด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ซึ่งใช้เวลา 30 นาที หลังจากนั้นจึงจะฉายภาพยนตร์ในรอบเวลาต่อไป และหนึ่งในมาตรการสำคัญ คือ เราได้รับการสนับสนุนจากเอไอเอส พันธมิตรธุรกิจ นำเทคโนโลยีดิจิทัลแห่งยุค 5G เจ้าหุ่นยนต์อัจฉริยะเข้ามาตรวจวัดอุณหภูมิ, ให้บริการเจลแอลกฮอลล์, ให้การต้อนรับและให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์ ช่วยแบ่งเบาการทำงานของเจ้าหน้าที่ และลดการเสี่ยงจากสัมผัส อันเป็นการสร้างเชื่อมั่นและสร้างมาตรฐานใหม่ในการดูแลลูกค้าไปอีกขั้น
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า โครงการ “ตู้ปันอิ่ม ปันสุข” ถือเป็นกิจกรรมเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ที่เพื่อนพนักงานชาวซีพีร่วมมือกับชุมชนชาวตรอกจันทน์ตั้งขึ้น เพื่อร่วมแบ่งปันข้าวสาร อาหารแห้ง และเครื่องดื่ม บรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากโควิด19
“ตู้ปันอิ่ม ปันสุข” ตั้งอยู่บริเวณหน้าอาคารซีพีเอฟ(ประเทศไทย) ตรอกจันทน์ ถ.จันทน์ ซอยจันทน์ 24 และจะเริ่มปันสุขตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 นี้เป็นต้นไป โดยพนักงานซีพี ตลอดจนชาวตรอกจันทน์ที่มีความพร้อม สามารถนำอาหารและเครื่องดื่มมาเติมตู้ได้ตลอดเวลา
ทั้งนี้ จะเป็นสื่อกลางในการปันความสุขของผู้ให้ไปสู่ความอิ่มของผู้รับ ซึ่งเป็นสิ่งที่พนักงานซีพีทุกคนยินดีที่จะช่วยเหลือ การได้สร้างรอยยิ้มเติมความอิ่มให้แก่ชาวตรอกจันทน์ที่เดือดร้อน เปรียบเหมือนกับคนบ้านใกล้เรือนเคียงที่ต้องช่วยเหลือกัน ส่วนชาวตรอกจันทน์ท่านใดที่มีกำลังพอจะช่วยเหลือผู้อื่น ก็ขอเชิญชวนท่านมาร่วมปันความสุขผ่านตู้ใบนี้ เพื่อส่งเสริมสังคมเกื้อกูล สร้างชุมชนน่าอยู่ และก้าวผ่านวิกฤตโควิด19ไปด้วยกัน
นายธวัชชัย แพงไทย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานเขตสาทร กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้เห็นกลุ่มพนักงานเครือเจริญโภคภัณฑ์และชุมชนชาวตรอกจันทน์ ร่วมกันทำกิจกรรมตู้ปันสุข เพื่อแบ่งปันให้ชาวบ้านที่ใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้ ที่บางคนมีความลำบากในการดำรงชีวิต เมื่อเกิดโควิด19ซ้ำเติมเข้าไป ยิ่งทำให้เดือดร้อนและขาดรายได้ การแบ่งปันให้คนที่อยู่พื้นที่เดียวกันเช่นที่พนักงานเครือซีพีซึ่งมีสำนักงานอยู่บนถนนจันทน์ได้แสดงน้ำใจเช่นนี้ นับเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมและต้องขอขอบคุณทุกๆน้ำใจ ที่ทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้น