Home Blog Page 60

กิเสสก่อความประมาทในการใช้เงิน

กิเสสมนุษย์ 
ตัวการสำคัญของการเกิดความประมาทในการใช้เงิน

เมื่อไหร่ที่เรามีเงิน หรือรายได้ประจำ ย่อมทำให้เกิดความย่ามใจในการใช้จ่าย คิดว่า จ่ายสนองความอยากสักหน่อยคงไม่เป็นไร

นั่นแหละ เราเลี้ยงกิเลสในตัวเราให้โตขึ้นโดยไม่รู้ตัว

คิดและทำอย่างนี้บ่อยครั้งเข้า เอาน่า ไม่เป็นไรๆ

แถมมีบัตรเครดิตเป็นตัวช่วยสนองกิเลสแบบรูดปรื๊ดๆ ด้วยแล้ว

รับรองว่า ความประมาทในการใช้เงินจะกลับมาทำร้ายตัวเราแน่นอน

โทษใครได้ นอกจากกิเลสในตัวเรา

#พารวย
#กิเลสมนุษย์

พีทีที โออาร์ ลุยเมียนมา ดันแบรนด์ไทยสู่สากล ส่งพีทีที สเตชัน คาเฟ่ อเมซอน นำทัพ

พีทีที สเตชั่น

@@@พีทีที โออาร์ส่งแบรนด์พีทีทีสเตชั่น แอลพีจี และคาเฟ่ อเมซอน รุกตลาดเมียนมา พร้อมเดินหน้าลงทุนธุรกิจคลังและค้าส่งปิโตรเลียม@@@

“พิธีลงนามความร่วมมือในการดำเนินโครงการร่วมทุนธุรกิจคลังและค้าส่งปิโตรเลียม และโครงการร่วมทุนธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและค้าปลีก” ณ โรงแรมล็อตเต้ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา มีนางสุพัตรา ศรีไมตรีพิทักษ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที โออาร์ นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ พีทีที โออาร์ นายเพียว มิน เต็ง มุขมนตรีภาคย่างกุ้ง และ นายเนียว มิน กรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มบริษัท คันบาวซา จำกัด นายกอง ซาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบรท์เทอร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด และบริษัท ไบรท์เทอร์ เอนเนอร์ยี่ รีเทล จำกัด พร้อมผู้บริหารภาครัฐและเอกชนของประเทศเมียนมาร่วมงาน

นายอรรถพล กล่าวว่า เมียนมาเป็นประเทศที่ พีทีที โออาร์ มีแผนงานในการดำเนินธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกอย่างครบวงจร เนื่องด้วยมีปัจจัยที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในระยะยาว

และกลุ่มบริษัท คันบาวซา จำกัด ถือเป็นกลุ่มบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศเมียนมา

การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 โครงการ ได้แก่ โครงการร่วมทุนธุรกิจคลังและค้าส่งปิโตรเลียม ในการจัดหาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม รวมถึงการจัดตั้งและบริหารคลังน้ำมัน ท่าเรือ และโรงบรรจุก๊าซหุงต้มแอลพีจี ซึ่งโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จในปี 2564 นับเป็นคลังน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเมียนมา มีความจุรวมกว่า 1 ล้านบาร์เรล และมีความจุแอลพีจี รวม 4,500 เมตริกตัน

และ โครงการร่วมทุนธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและค้าปลีก โดย นำแบรนด์ของ พีทีที โออาร์ ที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทยมาต่อยอดเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภคชาวเมียนมา ได้แก่ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ก๊าซหุงต้มแอลพีจี และร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน

การดำเนินธุรกิจ พีทีที สเตชั่น ในเมียนมา อยู่ภายใต้แนวคิดหลัก “ลีฟวิ่ง คอมมิวนิตี้” เช่นเดียวกับในไทย เปิดโอกาสให้เกษตรกร ชุมชนและธุรกิจเอสเอ็มอี ได้ร่วมเติบโตไปพร้อมกับการขยายเครือข่ายสถานีบริการฯ โดยวางเป้าหมายการขยายสถานีฯ ที่ 70 แห่ง ภายในปี 2566

ปัจจุบัน พีทีที โออาร์ มีสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น กว่า 2,000 แห่ง ทั้งในประเทศไทย กัมพูชา ลาว และฟิลิปปินส์ สำหรับธุรกิจก๊าซหุงต้มแอลพีจี จะใช้ความโดดเด่นในด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์และความปลอดภัยในการเข้าสู่ตลาด โดยมีเป้าการจำหน่ายที่ 1,000 ตันต่อเดือน นอกจากนี้ จะดำเนินธุรกิจร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ที่คาดว่าจะสามารถเติบโตได้เป็นอย่างดีสอดคล้องกับแนวโน้มความนิยมในการบริโภคกาแฟของผู้บริโภคชาวเมียนมาที่เพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 7 สาขา และจะขยายเป็น 100 สาขา ภายในปี 2566 โดยร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน มีจำนวนกว่า 2,800 สาขา ทั้งในประเทศไทย เมียนมา กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และโอมาน

มีเงินโอนผิดเข้าบัญชี เอาไปใช้ไม่ได้

จู่ๆ มีเงินไม่รู้ที่มาที่ไป เข้าบัญชีเรา อย่าคิดเชียวนะว่า เป็นลาภลอย ถอนมาใช้ซะ

ทำอย่างนั้น ผิดนะจ๊ะ เจ้าของเงินที่โอนผิดเค้าแจ้งความเอาผิดเราได้น่ะ

คิดผิดคิดใหม่น่ะ
ทางถูกมีให้เดิน อย่าหลงทางผิด เสียอารมณ์ป่าวๆ

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งมาว่า…

ถ้ามีเงินโอนผิดมา!!

อย่าโอนคืน หรือ โอนต่อด้วยตัวเอง

แต่ควรไปติดต่อธนาคาร เพื่อให้ช่วยตรวจสอบ เพราะนอกจากอาจเป็นการโอนผิดจริงๆ หรือไม่ก็เป็นกลลวงมิจฉาชีพนะจ๊ะ

#พารวย #แบงก์ชาติ #เงินโอนผิดไม่ใช่ลาภลอย

ระวัง ภัยโจรออนไลน์ชุมยิ่งกว่ายุง

สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีข้อมูลว่า วันๆหนึ่ง คนไทยฝังตัวอยู่ในโลกโซเชี่ยล ทั้งเฟสบุ๊ค ทวิสเตอร์ ไอจี และท่องเว็บ นานถึงวันละ 3 ชั่วโมงครึ่ง

ภัยอันตรายจากโจรออนไลน์ จึงเกิดขึ้นกับผู้ใช้ได้มากขึ้น

หากไม่รู้ทันโจร ก็ไม่แคล้วโดนหลอกให้เจ็บตัวเจ็บใจ เสียรู้ยันเสียทรัพย์

แบบที่เจอกันบ่อยๆ คือโจรสวมรอยเป็นเพื่อนเรา ทักแชทมา อ้างเดือดร้อน ขอให้เราช่วยโอนเงินให้ด่วน ถ้ารู้ทัน หรีอ โชคดีที่เพื่อนคนนั้นติดหนี้เราอยู่ก็ดีไป เพราะเราคงไม่ให้ยืมเงินเพิ่ม หนี้เก่ายังไม่เคลียร์ จะมาขอใหม่ง่ายๆ ก็ยังไงอยู่

อีกแบบ คือ พวกโจรใช้หัวใจเป็นเครื่องมือ หลอกให้รักให้หลง ปั้้นนิยายรักเพ้อฝันออนไลน์ คนฟังก็เคลิ้มเอาเรื่องจริงปนเรื่องฝัน จริงหรือหลอกก็ไม่รู้ เพราะรักทำให้ตาบอด สุดท้าย กว่าจะรู้ตัว เสียทั้งใจเสียทั้งทรัพย์

นอกจากนี้ ก็มีภัยจากการช็อปปิ้งออนไลน์ ทั้งร้านปลอม โอนไปไม่ส่งของ หรือล่าสุด ใ้ช้วิธีส่งพัสดุเก็บเงินปลายทางมา ซึ่งมีทั้งที่เราไม่ได้สั่ง หรือสั่งแต่ส่งของอื่นที่มีราคาต่ำๆกว่าค่าของมาให้แทน

เว็บไซต์ปลอมที่ทำหน้าตาเหมือนของธนาคารจริง หรือเมลแวร์ที่มากับแอปท้ั้งหลาย ก็ต้องระวัง เพราะพวกเนี้ยจะหลอกเอาข้อมูลต่างๆของเราไปแฮ็ค และหาประโยชน์อื่นๆ

โลกในชีวิตจริง โดนหลอกยังไม่พอ ยังตามมาหลอกหลอนในโลกออนไลน์อีก โลกไหนอยู่ยากทั้งนั้นแหละ

ตั้งรหัสผ่านให้ปลอดภัยจากโจรไซเบอร์

 

เดี๋ยวนี้ จะทำธุรกรรมการเงินที่ไหน เวลาใดก็ได้ แสนสะดวกแสนสบาย
มองกลับกัน โจรไซเบอร์มันก็ไม่ต้องเลือกเวลา เลือกสถานที่ คิดจะปล้นก็ปล้นเลย แสนสะดวก แสนสบาย ที่ไหน เวลาใดก็ได้ วิธีป้องกันอันดับแรกๆ ที่พึงทำ ก็คือ เวลาเราเข้าใช้แอป หรือเว็บไซต์ ทำธุรกรรมการเงินใดๆ ก็ตาม ควรตั้งชื่อผู้ใช้ และรหัสที่ไม่เดาทางง่ายนัก หรือเรียกว่าเข้าทางโจรนั่นแหละ
ไม่ต้องใจดีคิดรหัสผ่านให้ถูกใจโจรน่ะ
รหัสประเภทเดาง่าย เลขเรียง 12345 เลขตอง เลขเบิ้ล วันเกิด เบอร์โทร เลขบ้าน เลิกใช้เลย เพราะคนใกล้ตัวอย่างสามีคุณเดาได้ แล้วโจรจะไปเหลือเหรอ


จำนวนรหัสสั้นไปก็ไม่ดี เพราะเท่ากับเราให้เวลาโจรไขล็อคเราได้นานขึ้น รหัสที่ปลอดภัยไม่ควรต่ำกว่า 8 ตัวอักษร
บางคนขี้เกียจจำ หรือกลัวลืม เลยตั้งรหัสง่ายๆ ไม่ซับซ้อน มีตัวอักษรอย่างเดียว พิมพ์เล็กหรือพิมพ์ใหญ่ ใช้มันอย่างเดียว ตัวเลขไม่ใส่ อักขระพิเศษไม่มี โจรไซเบอร์ก็แท้งกิ้วเวรี่มัช


แถมบางที เฟสบุค ไลน์ อินสตราแกม แอปฯหรือเว็บธนาคาร ใช้รหัสมันอันเดียวกันนี่แหละ โจรไซเบอร์ก็ยิ่งแท้งกิ้วเวรี่เวรี่มัช
รหัสถ้าใช้มาระยะหนึ่ง ก็ควรเปลี่ยนบ้าง รหัสไม่ใช่ภรรยาภรรยาอยู่มานานแต่ห้ามเปลี่ยน รหัสยิ่งเปลี่ยนได้บ่อยยิ่งดี
ทำตามนี้แล้ว รับรองชีวิตอยู่ง่าย ปลอดภัยจากโจรไซเบอร์

ขอบคุณ ที่มา ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน แบงก์ชาติ

วิธีรับมือพนง.ธนาคาร ขายเอทีเอ็มพ่วงประกัน

เมื่อสัปดาห์ก่อน มีข่าว แบงค์ชาติออกบทลงโทษปรับแบงค์กรุงไทยกับไทยพาณิชย์ไปรายละ 3 ล้านบาทกว่าบาท หลังสุ่มตรวจพบว่าสาขาของทั้งสองแบงค์ ดันบังคับให้ลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัยต้องซื้อประกันอัคคีภัยกับบริษัทประกันที่กำหนดให้ โดยลูกค้าเลือกเองตามความสมัครใจเองไม่ได้เลย

เรื่องมัดมือชกแบบนี้ นอกจากจะพบได้ตอนไปขอกู้เงินแบงค์แล้ว การทำบัตรเอทีเอ็ม คนทั่วไปอย่างเราๆท่านๆก็อาจได้รับประสบการณ์ของแถม แบบถ้าไม่ทักก็รับไปเต็มๆ

บางที พอลูกค้าพูดดักไปก่อนว่า จะขอทำบัตรเอทีเอ็มแบบธรรมดา ก็อาจได้รับคำตอบว่า บัตรหมด พนักงานก็จะพยายามยัดบัตรเอทีเอ็มพ่วงนู่นนี่มาให้ อย่างประกันเป็นต้น

ความเป็นจริงแล้ว แบงค์ชาติกำชับแบงค์พาณิชย์ต้องสำรองบัตรเอทีเอ็มแบบพื้นฐานให้เพียงพอและธนาคารก็ยืนยันว่ามีการสำรองไว้พอมาตลอด

แบงค์ชาติบอกด้วยว่า ในการขายประกันจะต้องไม่หลอก ไม่บังคับ และไม่รบกวนลูกค้า ดังนั้น หากพนักงานอ้างว่าบัตรหมด หรือพบการบังคับขายประกันไม่ว่าจะเป็นการขายพ่วงหรือขายเดี่ยว การให้ข้อมูลประกันไม่ครบ หรือการขายที่รบกวน ลูกค้าชั้นดีอย่างเราทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เลยครับ

ภาพตัวอย่างประกอบข่าวเท่านั้น

1. แจ้งให้ผู้จัดการสาขาแบงค์นั้นให้รู้และแก้ไขปัญหาซะ จะรู้เรื่องมาก่อนมั้ย ไม่ว่ากัน แต่ต้องชี้แจงมาชัดๆเลย ถ้าบัตรหมดจริงจริ๊ง ก็บอกมาเลยว่า วันเวลาไหนบัตรธรรมดาจะมีมาให้ทำ ถ้าไม่นานเกินเหตุ รอได้ก็จะรอ

2. ถ้าผู้จัดการสาขาไม่แก้ไขปัญหาไม่ได้ หรือไม่จริงใจที่จะแก้ ให้โทรไปร้องเรียนที่ Call Center ของแบงค์เจ้าปัญหานั้นซะ

3. เมื่อโทรไปแบงค์ก็แล้ว หากเห็นว่ายังไม่ทำเรื่องอะไร ไม่อีนังขังขอบ ก็ให้ร้องเรียนไปที่ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน เพื่อที่แบงค์ชาติจัดการ รวบรวมข้อมูลประกอบการ ออกตรวจสอบที่สาขาและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ช่องทางร้องเรียน มีเยอะแยะ Call Center โทร. 1213 หรือเว็บไซต์ www.1213.or.th ระบุข้อมูลไปด้วยเลย วันที่และเวลาที่เกิดปัญหา, ธนาคารและสาขาที่ไปใช้บริการ และชื่อพนักงานที่ให้บริการ

ขอบคุณ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน แบงค์ชาติ

นิสัยที่เป็นภัยต่อบัตรเครดิต

 

ใช้บัตรเครดิตแบบติดนิสัยเสีย ระวังภัยมาเยือน

รูดปรื๊ด รูดปรื๊ด

บัตรเครดิต ถ้าใช้อย่างชาญฉลาด และมีวินัยแล้ว จะช่วยให้คุณเจ้าของบัตรได้รับประโยชน์มากกว่าที่คิด ทั้งส่วนลดจากการแลกคะแนน การผ่อนชำระ นอกเหนือไปจากการทำหน้าที่พื้นฐาน คือ
รูดจ่ายค่าของแทนเงินสด

แต่ถ้าลองคุณเจ้าของบัตร ดันเป็นคนบกพร่องทางวินัยการเงินแล้ว ชีวิตคุณวิบัติแล้วล่ะ เพราะการรูดบัตร ก็เหมือนกับการใช้เงินในอนาคต หากรูดบัตรเพลินมากไป อนาคตคุณคงไม่สดใสแล้วล่ะ

สำรวจตัวเองกันหน่อยว่า เรามีนิสัยที่เป็นภัยต่อบัตรเครดิตที่เราถือหรือไม่

7 นิสัยที่ควรหลีกเลี่ยงเลย หากรักจะใช้บัตรเครดิต ได้แก่ หนึ่ง เซ็นอย่างเดียว ไม่ตรวจสลิป สอง เป็นคนคิดน้อย ไม่เฉลียวใจเวลาถูกถามเรื่องข้อมูลบัตร บอกเค้าไปหมด สาม ขี้เกียจจำ รักสบาย ไม่กรอกข้อมูลเอง ชอบให้ป้อนข้อมูลอัตโนมัติ

สี่ เวลาใบแจ้งหนี้บัตรส่งมาถึง ก็ไม่ค่อยตรวจสอบรายละเอียด ห้า ไว้ใจพนักงานมากเกินไป ให้ถือบัตรไปรูด โดยไม่สังเกตความผิดปกติหรือมีพิรุธว่ามีหรือไม่ หก ทำบัตรหาย ไม่รีบแจ้ง และท้ายสุด
ตามไม่ทันเหล่ามิจฉาชีพ ไม่ติดตามข่าวเรื่องกลโกงของเหล่าโจร

ถ้าพบเจอนิสัยเสียเหล่านี้ แก้ไขด่วน เพื่อไม่ให้บัตรเครดิต กลายเป็นภัยกลับมาทำร้ายตัวเอง

ขอบคุณ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน แบงค์ชาติ

 

เช็คก่อนช็อปออนไลน์

 

#เช็คก่อนช๊อป

เดี๋ยวนี้ ใครๆก็ช็อปออนไลน์ เพราะสะดวกกว่ากันเยอะ ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องวนหาที่จอดรถตามห้าง
แค่คลิ๊กๆๆ รอสองสามวัน สิ่งของที่ปราถนาก็ส่งตรงถึงหน้าบ้าน

แต่หลายคนก็มีประสบการณ์เจ็บปวดจากการซื้อสินค้าออนไลน์ ไม่ว่าจะโดนโกง โอนเงินให้ใครก็ไม่รู้ฟรีๆ หรือสินค้าที่ได้รับ ไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ ทั้งไม่เหมือนในภาพ หรือคุณภาพต่ำ หรือไม่ก็เป็นสินค้าปลอม แต่เราดันซื้อหามาในราคาของแท้ซะงั้น

ก่อนจะช็อป เราควรต้องเช็ค เช็คอะไรบ้างนั้น ตามมา

อย่างแรกเลย เปรียบเทียบราคาดู ถ้าพบว่า ราคาในเน็ตมันถูกเกินเหตุ ถูกแสนถูกกว่าตามร้านค้าทั่วไป ให้สงสัยไว้ก่อนว่า ของปลอมหรือเปล่าหนอ ตามด้วยตรวจสอบข้อมูลผู้ขายว่า น่าเชื่อถือมั้ย เอาชื่อ เบอร์โทร เสิร์จกูเกิ้ลหาเลย หรือไม่ก็หารีวิว หรือคอมเมนท์เกี่ยวกับทั้งสินค้าและคนขายอีกทาง เพื่อความสบายใจ และสบายกระเป๋า

ดูด้วยว่า การพูดคุย การตอบแชทของคนขาย เป็นยังไง น่าซื้อขายด้วยมั้ย ศึกษาข้อมูลสินค้าให้ดี การรับประกัน ทั้งคืนเงิน หรือคืนสินค้า มีมั้ย

อย่าลืมใช้สิทธิโค้ดส่วนลดที่มีให้ด้วย จะได้ไม่เจ็บใจว่าซื้อของแพงกว่าคนอื่นเค้า

แต่เหนือสิ่งอื่นใด ต้องเช็คเงินในกระเป๋าก่อน อย่าคิดว่า พอไหม เอาแค่มีไหมจะใช่กว่า

เช็คก่อนช็อป จะได้ไม่ช้ำชอก

อย่าลืมน่ะจ๊ะ งบช็อปปิ้งไม่ควรเกิน 10%ของรายได้ต่อเดือน

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ตั้งชื่อกับรหัสอย่างไรให้ปลอดภัย

#วิธีตั้งชื่่อกับรหัสให้ปลอดภัย
 
ทุกวันนี้ จะธุรกรรมผ่านอินเตอร์เน็ต มันฉับไว รวดเร็ว ทันใจ เสียนี่กระไร
 
แต่พึงตระหนัก ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีสองด้าน ด้านสว่าง และด้านมืด
 
เทคโนโลยี่ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ใช้ประโยชน์ได้ฉันใด ก็นำมาใช้ทางที่ผิดได้ฉันนั้น
 
ภัยจากโลกออนไลน์ใกล้ตัวเรามากขึ้น จากเดิมที่เราอาจประสบภัยได้ตามตู้กดเงิน ทุกวันนี้ ภัยก็ย่างกรายมาใกล้ตัวเราอย่างคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ
 
เราสามารถป้องกันตัวเองได้ง่ายๆ เลย แค่เริ่มจากการรู้จักกำหนดชื่อ และรหัสการเข้าใช้งานอย่างปลอดภัย
ไม่ต้องพึ่งบริการของซินแสมาตั้งให้ ตัวเราเองนี่แหละ
 
user name ที่ปลอดภัย ควรเลือกใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษทั้งตัวพิมพ์ใหญ่และเล็ก ร่วมกับตัวเลข และต้องจำง่ายสำหรับเราเอง ไม่ต้องเผื่อคนอื่น
 
ส่วน password ควรมีความยาว 8-16 ตัวอักษร ทั้งตัวพิมพ์อังกฤษใหญ่และเล็ก กับตัวเลข ที่สำคัญ คือ ควรเป็นรหัสที่รู้เฉพาะตัวและจำได้
 
ข้อห้ามเลย อย่าใช้ข้อมูลส่วนตัว อย่าง วันเกิด เบอร์โทรศัพท์ มาเป็นชื่อหรือรหัส เลขก็ไม่ควรใช้เลขซ้ำ หรือเลขเรียงกันที่เดาง่าย อีกอย่างคือ ไม่ควรตั้ง user name กับ pass word เป็นตัวเดียวกัน เพราะเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกแก่พวกโจรออนไลน์
 
ขอบคุณ โครงการดีๆของธนาคารธนชาติ ร่วมกับดีเอสไอ ที่ทำให้เรารู้ทันกลโกงของเหล่ามิจฉาชีพ

พกเงินยังไงดี ไม่ให้ใช้เยอะใช้เกลี้ยง

 

#แก้ปัญหากระเป๋าแบนแฟนทิ้ง

คุณๆ ทุกท่าน คงประสบปัญหานี้ กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง

ในชีวิตจริง ไม่ใช่แค่แฟนที่ทิ้งเราไป คนรอบข้างที่รายล้อมยามอู้ฟู่ ก็มักจะหายหน้าหายตาไปจากสารบบชีวิต

เรามาทำให้กระเป๋าเรา เป็นเหมือนกระเป๋าวิเศษของโดราเอมอนกันเถอะ แต่ของที่่อยู่ในกระเป๋านี้ ไม่ใช่บรรดาของวิเศษจากโลกอนาคต แต่เป็นความสุขจากการมีวินัยในการใช้เงินต่างหาก

เลิกนิสัยเดิมๆ ควักจ่าย ควักจ่าย และควักจ่าย จนเงินเกลี้ยงกระเป๋า

กดเครื่องคิดเลขเลยว่า เราต้องใช้เงินเท่าไรในแต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือน นั่นแหละ คือ ยอดเงินในกระเป๋าที่เราพก
อย่าถอนเงินเพิ่ม เพราะนอกจากกระเป๋าจะแบนแล้ว บัญชีธนาคารก็จะแฟ่บด้วย คราวนี้ แฟนหรือเมีย อาจไม่ทิ้งอย่างเดียว อาจแถมเพ่นกบาลเอาด้วย

จะช็อปปิ้งเท่าไรไม่ห้าม แต่ต้องอยู่ในแผน และแนะนำว่าไม่ควรเกิน 10% ของเงินเดือนน่ะจ๊ะ

ทำอย่างนี้แล้ว รับรองว่า ชีวิตเรา พ้นจากการต้องแบกอะไรหนักๆ หันมาพกเงินในกระเป๋าเบาๆ แต่ไม่แบนแทนกันเถอะ

ขอบคุณที่มา ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน แบงค์ชาติ ครับ