Home Blog

AIS โชว์ผลดำเนินงานไตรมาส 3 ปี68 ทำกำไร 1.2 หมื่นล. เตรียมลุยธุรกิจรีเทล คอนเทนต์บันเทิง-กีฬา และการเงินดิจิทัล

             เอไอเอสรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 มีรายได้รวม 54,362 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 12,039 ล้านบาท สะท้อนการเติบโตที่มั่นคงของทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่ บรอดแบนด์ และบริการลูกค้าองค์กร โดยขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์การพัฒนาโครงข่ายคุณภาพสูง นวัตกรรมบริการ และการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม พร้อมต่อยอดสู่อนาคตด้วย ธุรกิจใหม่ ที่เป็นกลไกสำคัญในการสร้างการเติบโตระยะยาว ทั้งธุรกิจรีเทล แพลตฟอร์มคอนเทนต์ความบันเทิงและกีฬา และการเงินดิจิทัล

            กำไร EBITDA และผลประกอบการยังคงเติบโตจากการรักษาสมดุลระหว่างการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต และการเพิ่มประสิทธิภาพภายในองค์กร สะท้อนการเติบโตเชิงคุณภาพในทุกมิติ ภายหลังการก้าวผ่าน วาระครบรอบ 35 ปี เอไอเอสยังคงต่อยอดการเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยการยืนหยัดในฐานะองค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะที่มีรากฐานแข็งแกร่ง มุ่งขับเคลื่อนประเทศสู่ยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน ภายใต้ผลการดำเนินงานมิติต่างๆ ดังนี้

ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่: เสริมแกร่งโครงข่ายเพื่อความได้เปรียบระยะยาว

            มีผู้ใช้บริการรวม 46.3 ล้านเลขหมาย โดยมีผู้ใช้งาน 5G เพิ่มขึ้นเป็น 15.8 ล้านเลขหมาย เติบโต 36% จากปีก่อน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการลงทุนเชิงคุณภาพ ในการขยายโครงข่ายอัจฉริยะ 5G ให้ครอบคลุมกว่า 95% ของพื้นที่ประชากร เพื่อสร้างความมั่นคงด้านประสบการณ์ดิจิทัลให้กับผู้ใช้ทั่วประเทศ

           รวมถึงการเปิดให้บริการคลื่นความถี่ 2100MHz ทันทีหลังชนะการประมูล พร้อมประยุกต์ใช้เทคโนโลยี “Super Block” ถือเป็นการขับเคลื่อนกลยุทธ์ในการเพิ่มขีดความสามารถของเครือข่ายให้รองรับการใช้งานไปอีกขั้น ด้วยความเร็วสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านคุณภาพที่ได้รับการการันตีโดยรางวัล OOKLA ปี 2025

          นอกจากนี้ การนำแพ็กเกจรับชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษมาสร้างความผูกพันกับลูกค้า ยังเป็นอีกกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับฐานลูกค้าอีกด้วย

ธุรกิจบรอดแบนด์: สร้างความต่างด้วยประสบการณ์และคุณภาพบริการ

         ภายใต้แบรนด์ AIS 3BB FIBRE3 เอไอเอสมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก 68,000 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ใช้รวม ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 5.2 ล้านราย

          การเติบโตดังกล่าวเป็นผลจากกลยุทธ์ “ยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยยุคดิจิทัล” โดยผสานโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเข้ากับคอนเทนต์ระดับพรีเมียม ผ่านแพ็กเกจ Super FAST และ Home FibreLAN ซึ่งตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่ครอบครัวจนถึงผู้ใช้งานที่มีความต้องการเฉพาะด้านทั้งสตรีมมิ่งและเกมมิ่ง

         ขณะเดียวกัน การเสริมพอร์ตด้วยคอนเทนต์กีฬาระดับโลก อาทิ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก, NBA, และ NFL ไม่เพียงสร้างความแตกต่างด้านประสบการณ์ แต่ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญในการวางตำแหน่ง AIS 3BB FIBRE3 ให้เป็น “ผู้นำบริการดิจิทัลครบวงจรในทุกบ้าน”

ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร: ยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

          ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรเติบโต 14% จากไตรมาส 3 ปีก่อน จากแนวโน้มการเร่งทรานส์ฟอร์มองค์กรของภาครัฐและเอกชน โดยเอไอเอสวางกลยุทธ์เป็นพันธมิตรเทคโนโลยีครบวงจรที่ให้บริการตั้งแต่โครงข่ายสื่อสาร ระบบคลาวด์ ไปจนถึงโซลูชัน AI เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

          ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก เช่น Oracle Cloud และโครงการ GSA Data Center เป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่เชื่อมโยงอย่างปลอดภัยและยั่งยืน รองรับการขับเคลื่อนองค์กรไทยสู่การเป็น Sustainable Nation ผ่านการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

‘เจอร์ไฮ – จินนี่’ ขับเคลื่อนแบรนด์ไทยสู่เวทีโลก ด้วยนวัตกรรมและคุณภาพอาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียม

บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ทฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์ ‘เจอร์ไฮ’ (JerHigh) และ ‘จินนี่’ (Jinny) คว้าอันดับ 1 ขนมสัตว์เลี้ยงในอาเซียน ติด Top 10 เอเชีย และ Top 20 ของโลก* ร่วมแสดงศักยภาพความเป็นผู้นำตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงระดับสากล ภายในงาน Pet Fair South East Asia 2025 งานแสดงสินค้าธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ ‘เจอร์ไฮ ไทย เทสต์’ สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทย และ ‘จินนี่ นูริช’ อาหารแมวเปียกเกรดซูเปอร์พรีเมียมแบบซอง

การเข้าร่วมงานครั้งนี้สะท้อนถึง ความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ทั้งโภชนาการและความสุขของสัตว์เลี้ยง พร้อมยกระดับมาตรฐานสากลและเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสัตว์เลี้ยงทั่วโลกให้มีสุขภาพแข็งแรงและชีวิตที่มีความสุขในทุกวัน นอกจากนี้ ยังต่อยอดด้วยกลยุทธ์ “Premiumization + Localization” ที่ผสมผสานอาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพพรีเมียมระดับโลกเข้ากับเอกลักษณ์ความเป็นไทย เพื่อสร้างความแตกต่างและความแข็งแกร่งให้แบรนด์

ไฮไลท์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่นำมาจัดแสดง ได้แก่ ‘เจอร์ไฮ ไทย เทสต์’ (JerHigh Thai Taste) ภายใต้แนวคิด “กลิ่นหอม รสชาติไทยแท้ สุนัขชอบ คนจำได้” สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทย มุ่งเจาะตลาดพรีเมียมในเอเชียและตะวันออกกลาง เตรียมเปิดตัวเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 1 ปี 2569 และ ‘จินนี่ นูริช’ (Jinny Nourish) อาหารแมวเปียกเกรดซูเปอร์พรีเมียมแบบซองพัฒนาสูตรเฉพาะสำหรับแต่ละช่วงวัยของแมว โดยใช้ส่วนผสมจากปลาทูน่าธรรมชาติและเนื้อไก่สดคุณภาพสูง ปราศจากกลูเตนและข้าวสาลี ตอบสนองเทรนด์ “Functional Nutrition” โภชนาการเพื่อการดูแลสุขภาพเฉพาะด้านที่เติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดโลก

กิติศักดิ์ ลิ้มอำไพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ทฟู้ด จำกัด

นายกิติศักดิ์ ลิ้มอำไพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ทฟู้ด จำกัด กล่าวว่า “เราภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของไทยสู่ตลาดโลก พร้อมต่อยอดศักยภาพความเป็นผู้นำในอาเซียน ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการ ควบคู่กับการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อนาคตของอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงจะขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และประสบการณ์ใหม่ ทั้งสำหรับสัตว์เลี้ยงและเจ้าของ เราจึงนำเอกลักษณ์ความเป็นไทย โดยเฉพาะอาหารไทยซึ่งเป็น Soft Power ที่ทั่วโลกรู้จัก มาผสานเข้ากับนวัตกรรม เพื่อสร้างความแตกต่าง เสริมความภูมิใจในแบรนด์ไทย และขยายโอกาสสู่ตลาดพรีเมียมทั่วโลกอย่างยั่งยืน”

ปัจจุบันแบรนด์ เจอร์ไฮ และ จินนี่ มีจำหน่ายในกว่า 31 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมกว่า 4,000 ร้านค้า โดยยังคงยึดมั่นในมาตรฐานคุณภาพระดับโลก ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อไก่คุณภาพสูงจาก ซีพีเอฟ (CPF) ที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับเดียวกับอาหารสำหรับนักบินอวกาศ ผ่านกระบวนการอบแห้งอุณหภูมิต่ำเพื่อคงคุณค่าทางโภชนาการ โดยไม่เติมเกลือและไม่ใส่วัตถุกันเสีย สะท้อนถึงการผสมผสานระหว่าง คุณภาพ ความปลอดภัย และนวัตกรรมด้านอาหารสัตว์เลี้ยง ภายใต้วิสัยทัศน์ของบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ทฟู้ด จำกัด ที่มุ่งเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยสู่ตลาดโลก

เมืองไทยประกันชีวิต น้อมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2568 ณ วัดธาตุทอง กทม.

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำโดย นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ ประธานกรรมการ นางยุพา ล่ำซำ  นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นางสลิล ล่ำซำ  นางจันทรา บูรณฤกษ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัท นายกนิช บุณยัษฐิติ กรรมการบริษัท  ดร.ณฐพร พันธุ์อุดม กรรมการบริษัท นายภูมิชาย ล่ำซำ ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ดร.สุธี โมกขะเวส กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยนายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย นางสาววสุมดี วสีนนท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย นางสาวพิมพ์จุฑา สกุนสิทธิ์ธาดา ผู้อำนวยการเขตวัฒนา คณะผู้บริหารเขตวัฒนา รวมทั้งคณะผู้บริหาร และพนักงาน  บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริษัทคู่ค้า ลูกค้า และผู้มีจิตศรัทธา ร่วมน้อมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2568 แด่พระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ วัดธาตุทอง กรุงเทพมหานคร

ในโอกาสนี้  เมืองไทยประกันชีวิต  ได้มอบเงินบริจาค “ผ้าป่าการศึกษา” ให้แก่ โรงเรียนในพระอุปถัมภ์ของวัดธาตุทอง โดยมี  นางธนาลัย ลิมปรัตนคีรี  ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลวัดธาตุทอง   นายพงศ์พิษณุ สุพรรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนดาราคาม  นายธีระยุทธ สมบูรณ์สุข ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดธาตุทอง  (เรือนเขียวสะอาด)  นายเจษฎา ศรีนวล ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง  ว่าที่พันตรี ดร.ณัฏฐกิตติ์ ชัยเฉลิมมงคล กรรมการบริหารและไวยาวัจกรวัดธาตุทอง ผู้แทนโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดธาตุทอง ร่วมในพิธี  ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมในทุกด้าน ให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน. 

ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ต้อนรับ บมจ. ลอนดรี้ ยู (WASH) เริ่มซื้อขาย 3 พ.ย. นี้

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บมจ. ลอนดรี้ ยูเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มบริการ โดยใช้ชื่อย่อ “WASH” ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568

WASH เป็นผู้ให้บริการร้านสะดวกซักครบวงจรด้วยเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมคุณภาพสูง ภายใต้แบรนด์ “WashXpress” รวมถึงให้สิทธิบุคคลอื่นในการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ และจำหน่ายเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม โดยร้านสะดวกซัก WashXpress มีทั้งรูปแบบบริการตนเอง (Self-service) และบริการครบวงจร (Full service) ได้แก่ บริการซักอบพับ บริการรับรีด รวมถึงการให้บริการรับจ้างซักอบรีดในปริมาณมากสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ ทั้งนี้ บริษัทพัฒนาแอปพลิเคชัน “WashXpress” เพื่อเพิ่มความสะดวกในการค้นหาสาขาและการชำระเงิน ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2568 มีร้านสะดวกซักทั้งหมด 548 สาขา ครอบคลุม 21 จังหวัด ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงเมืองรองและจังหวัดใหญ่ แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 469 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ 79 สาขา สำหรับงวด 6 เดือน 2568 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการให้บริการ : จำหน่ายสินค้า : แฟรนไชส์ : จำหน่ายเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า และรายได้อื่นในสัดส่วน 94 : 3 : 1 : 2

นายกวิน กลองกระโทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ลอนดรี้ ยู (WASH) กล่าวว่า บริษัทพัฒนาธุรกิจร้านสะดวกซักครบวงจรในคอนเซปต์ “สะอาด-สะดวก-สบาย” โดยมีผู้รับผิดชอบดูแลสาขาอย่างน้อย 1 คน พร้อมบริการล้างถังซักด้วยน้ำร้อนฟรีก่อนใช้ ร้านตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก ใกล้แหล่งชุมชน มีที่จอดรถ และเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ทั้งยังมีเครื่องแลกเหรียญ เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติสำหรับการซักผ้า รวมถึงบริการ Call Center ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะนำไปใช้เพื่อการลงทุนเพิ่มจำนวนสาขา ปรับปรุงและยกระดับร้านสะดวกซัก WashXpress ของสาขาที่มีอยู่เดิม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน

ข้อมูลการเสนอขาย: WASH มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 176.47 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 300 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 52.94 ล้านหุ้น และมีการจัดสรรหุ้นสามัญเดิมโดย Holistic Impact Pte. Ltd. อีกจำนวน 52.94 ล้านหุ้น เสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์และนักลงทุนสถาบัน ไม่น้อยกว่า 79.41 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทไม่เกิน 15.88 ล้านหุ้น พนักงานของบริษัทไม่เกิน 10.59 ล้านหุ้น โดยเสนอขายผู้ลงทุนทุกประเภทระหว่างวันที่ 24-28 ตุลาคม 2568 ในราคาหุ้นละ 7.5 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 397.06 ล้านบาท และมูลค่าที่เสนอขาย 794.12 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 2,647.06 ล้านบาท ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ประมาณ 24.51 เท่า คำนวณจากกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสล่าสุด (1 ก.ค. 2567-30 มิ.ย. 2568) ซึ่งเท่ากับ 107.99 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.31 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ  

ผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO: 1) นายชิษณุพันธ์ ตั้งเฉลิมกุล ถือหุ้น 21.61% 2) นายกวิน กลองกระโทก และนางสาวอุไรวรรณ อ่อนเจริญ (คู่สมรส) ถือหุ้นรวม 16.30% และ 3) Holistic Impact Pte. Ltd. ถือหุ้น 12.84% โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินของบริษัท หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามกฎหมายและตามที่บริษัทกำหนดไว้

ผู้ลงทุนและผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.washxpressth.com และ www.set.or.th

เอไอเอส ส่งต่อภารกิจคิดเผื่อ มอบเงินสนับสนุนเครื่องมือแพทย์ รพ.เขาย้อย พร้อมกิจกรรมธารน้ำใจ อิ่มท้อง อุ่นใจ เติมเต็มความสุขสู่ชุมชน

เอไอเอส แสดงความอาลัยและร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมร่วมถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อสืบสานพระราชปณิธานในการดูแลประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืน

ครบรอบ 35 ปี เอไอเอส ยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทย จัดกิจกรรมงาน AIS 35th Anniversary “รวมพลังด้วยหัวใจ สานต่อให้โรงพยาบาลที่ขาดแคลน” แทนคำขอบคุณคนไทยที่อยู่เคียงข้างตลอดเส้นทางการเติบโต พร้อมส่งต่อพลังแห่งความห่วงใยคืนสู่สังคม ผ่านกิจกรรมระดมทุนเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ และปรับปรุงสถานที่พักคอยให้กับโรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกล 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลอุ้มผาง จ.ตาก และโรงพยาบาลเขาย้อย จ.เพชรบุรี รวมมูลค่ากว่า 6,200,000 บาท

นางสาวกานติมา เลอเลิศยุติธรรม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านธุรกิจองค์กร เอไอเอส กล่าวว่า “ความสำเร็จตลอด 35 ปีของเอไอเอสเกิดจาก ‘พลังคน’ ที่ร่วมกันสร้างรากฐาน คน–วัฒนธรรม–ความยั่งยืน อย่างแข็งแกร่ง พร้อมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์บุคลากรและองค์กรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทุกก้าวของเอไอเอสไม่เพียงสร้างความสำเร็จให้องค์กร แต่ยังสะท้อนโอกาสและคุณค่าที่ส่งกลับสู่สังคมไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานใหม่และขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าอย่างมั่นคง”

ในปีนี้ เอไอเอสยังคงเดินหน้าสานต่อ “ภารกิจคิดเผื่อ” ด้วยการมอบเงินสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์และปรับปรุงสถานที่พักคอยให้แก่โรงพยาบาลเขาย้อย จ.เพชรบุรี และโรงพยาบาลอุ้มผาง จ.ตาก รวมมูลค่ากว่า 6,200,000 บาท เพื่อขยายโอกาสด้านสุขภาพอย่างยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบสาธารณสุขท้องถิ่น

พร้อมกันนี้ เอไอเอสยังจัดกิจกรรม ธารน้ำใจแบ่งปันอิ่มท้อง อุ่นใจ มอบอาหารและรอยยิ้มให้กับพี่น้องชาวเขาย้อย จ.เพชรบุรี แสดงให้เห็นถึงการก้าวข้ามขอบเขตการเป็นเพียงผู้ให้บริการโทรคมนาคม สู่การเป็น “พลังขับเคลื่อนโอกาสที่เท่าเทียม”

เอไอเอสเชื่อว่า “ภาระ” ของโรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกลไม่ควรเป็นข้อจำกัด แต่คือ พลังในการสร้างการเปลี่ยนแปลง ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน “เปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง” เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศ พร้อมเปลี่ยนความขาดแคลนให้กลายเป็นโอกาส ด้วยการส่งมอบเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นและปรับปรุงพื้นที่รองรับผู้ป่วย เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มศักยภาพ และต่อยอดให้กลายเป็นพลังบวกของชุมชนในระยะยาว

อีกทั้ง ความยั่งยืนของธุรกิจไม่อาจเกิดขึ้นได้ หากสังคมรอบข้างยังไม่เติบโต เราจึงดำเนินธุรกิจบนแนวทาง “สังคมกับบริษัทต้องเติบโตไปพร้อมกัน” สร้างสมดุลระหว่างความสำเร็จทางเศรษฐกิจและคุณค่าทางสังคม ผ่านการลงมือทำจริงในทุกระดับ ตั้งแต่การดูแลพนักงาน พันธมิตรทางธุรกิจ ไปจนถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชน ทุกโครงการของเอไอเอสจึงไม่เพียงตอบโจทย์ทางธุรกิจ แต่ยังมุ่งสร้าง “ผลลัพธ์ที่ดีร่วมกัน” เพื่อให้ทั้งองค์กรและสังคมไทยเดินหน้าไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และเติบโตเคียงข้างกันอย่างแท้จริง

ซีพีเอฟ จับมือซีพีอาสา เดินหน้าช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม 3 จังหวัดต่อเนื่อง

พายุ “คาจิกิ” สร้างความเสียหายในหลายจังหวัด ฝนที่ตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม พี่น้องประชาชนหลายพื้นที่ ได้รับความเดือดร้อนทั้งด้านความเป็นอยู่และการเข้าถึงอาหาร

ซีพีเอฟ ยืนยันเจตนารมณ์ “อยู่เคียงข้างทุกวิกฤต” พร้อมร่วมมือกับเครือข่ายซีพีอาสา เร่งระดมกำลังนำโรงครัวซีพีอาสา ลงพื้นที่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์, บ้านปางอุ๋ง จังหวัดเชียงใหม่ และ บ้านผาบ่อง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อนำวัตถุดิบอาหารทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่สด และน้ำดื่ม ส่งมอบแก่โรงครัวในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง

อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ คือหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน ด้วยมวลน้ำจากแม่น้ำป่าสักและพื้นที่ใกล้เคียงเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เขตเทศบาลตาลเดี่ยวและเทศบาลเมืองหล่มสัก ทีมตอบโต้ภัยพิบัติมูลนิธิเพชรเกษมไม่รอช้า ยกกำลังเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครมูลนิธิเพชรเกษมเชียงใหม่ และอีกหลายสาขา ขนอุปกรณ์ครบครันขึ้นยักษ์แดงเพชรเกษม เดินหน้าโรงครัวเคลื่อน เคลื่อนพลฝ่าสายน้ำมุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบูรณ์ จัดตั้งโรงครัวเพื่อประชาชนอย่างทันท่วงที

ทันทีที่เต้นท์โรงครัวมูลนิธิเพชรเกษมประกอบเสร็จ บริเวณโรงเรียนหยกฟ้า อ.หล่มสัก เมื่อค่ำวานนี้ ประสิทธิ์ ใส้เพี้ย นำทีมจิตอาสาซีพีเอฟ ร่วมร้อยเรียงความดี กับทีมซีพีอาสา เร่งลำเลียงไข่ไก่ 2,100 ฟอง และเนื้อไก่ 500 กิโลกรัม ส่งมอบถึงมือทีมงานมูลนิธิเพชรเกษม เพื่อสนับสนุนภารกิจของโรงครัวฯ ในการผลิตข้าวกล่องเพื่อผู้ประสบภัย ตั้งเป้าผลิตวันละ 10,000 กล่อง กระจายลงพื้นที่น้ำท่วมช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบอุทกภัย และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ ทุกเมนูอาหารเติมพลังใจที่ส่งตรงถึงพี่น้องประชาชน

ขณะเดียวกัน ในพื้นที่บ้านปางอุ๋ง ต.แม่ศึก อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ที่เกิดเหตุดินสไลด์ ซีพีและซีพีเอฟยังเดินหน้าสนับสนุนวัตถุดิบอาหาร ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ รวมถึงน้ำดื่ม ให้แก่ทุกโรงครัวในพื้นที่ อาทิ โรงครัวกลางบ้านปางอุ๋ง วัดนักบุญยวงบัปติสตา (โบสถ์ปางอุ๋ง), โรงครัวมูลนิธิปริสุทโธ, โรงครัวมูลนิธิกระจกเงา ตลอดจนมอบผ่านศูนย์บริจาค เครื่องอุปโภค บริโภค และน้ำดื่ม เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ของกิ่งกาชาดอำเภอแม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ณ ที่ว่าการอำเภอแม่แจ่ม ที่จะกระจายวัตถุดิบทั้งหมดไปยังโรงครัวต่างๆ

ขณะที่ บ้านผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลาก ทำให้ประชาชนใน 55 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อน เครือซีพี ร่วมกับทุกกลุ่มธุรกิจในเครือฯ เร่งจัดถุงกำลังใจพร้อมวัตถุดิบอาหารเข้าให้ความช่วยเหลือ โดยมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเอกวิทย์ มีเพียร เป็นประธานในการส่งมอบถุงกำลังใจ ซึ่งซีพีเอฟ ร่วมสนับสนุนเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่สด และน้ำดื่ม มอบให้โรงครัวกลางใช้ปรุงเป็นอาหารแจกจ่ายผู้ประสบภัยและอาสาสมัครอย่างทั่วถึง

“อยู่เคียงข้างทุกวิกฤต” ไม่ใช่แค่คำมั่น แต่คือการลงมือทำจริงของเครือซีพีและซีพีเอฟ เพราะเรามีความเชื่อว่า การส่งอาหารคือการส่งพลังใจ ความช่วยเหลือจะยังคงดำเนินต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย พร้อมส่งแรงใจให้พี่น้องประชาชนและอาสาสมัครทุกคน…

มันส์ลั่นสยาม! AIS จัดกิจกรรม “CO-PLAY NIGHT” ชวนแฟนบอลรุ่นใหม่ร่วมเชียร์แมตช์หยุดโลก ไทยลีก-พรีเมียร์ลีก พร้อมดัน AIS SIAM สู่ Teen Sport Community Hub แห่งใหม่

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ตอกย้ำความมุ่งมั่นเพื่อส่งเสริมการเชียร์ฟุตบอลอย่างสร้างสรรค์ จัดงาน “AIS SIAM CO-PLAY NIGHT” ณ AIS SIAM สเปซเพื่อเจนซีแห่งใหม่ใจกลางสยาม เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา รวมพลแฟนลูกหนังร่วมเชียร์เกมการแข่งขันสุดมันส์จากสองลีกยักษ์ใหญ่ ทั้ง ไทยลีก คู่ระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด พบ พลังกาญจน์ และ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมตช์หยุดโลก ลิเวอร์พูล ปะทะ อาร์เซนอล สร้างประสบการณ์ดูบอลมิติใหม่ ผ่านหน้าจอขนาดใหญ่ในบรรยากาศสุดเร้าใจ ที่เนรมิตพื้นที่ใจกลางสยามสแควร์ให้กลายเป็นสนามเชียร์ขนาดย่อม

ภายในงานจัดเต็มบรรยากาศสุดมันส์ ทั้งกิจกรรมเกม แจกของรางวัล พร้อมแขกรับเชิญสายกีฬาตัวจริงเสียงจริงอย่าง แม็กซ์ ค่อกแค่ก นักพากย์สายฮา จอน – ขจรยศ นักเล่าเรื่องฟุตบอลไทย เจ้าของเพจ “เพจจอน” ชุ – ปรัชญา นักพากย์เสียงทรงพลัง คมลึกทุกมิติ เฟย – ภัทร นักแสดงใจรักลูกหนังตัวจริง พิชชี่ – วรันธร จากเพจ “พีชชงพีชชี่” และ แดน – มนต์ชัย นักพากย์ผู้คว่ำวอดวงการฟุตบอลไทยและบอลนอก ที่ขอลงสนามมาร่วมวิเคราะห์เกมกันสดๆ พร้อมปลุกพลังแฟนบอลทั่วประเทศให้ “ดูถูก ไม่ดูเถื่อน” ผ่าน AIS PLAY แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งคุณภาพ เชียร์มันส์ ครบแมตช์ คมชัดทุกจังหวะ

อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานคือการแสดงจากทีมCU POMPOM กลุ่มนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มาปลุกความสดใสด้วยโชว์ American-style Cheerleading เติมสีสันและพลังให้สยามลุกเป็นไฟ พร้อมด้วย DJ สุดมันส์ ที่เปิดบีตยาวๆ ให้แฟนบอลได้ปล่อยพลังเชียร์กันตลอดทั้งคืน ทั้งหมดนี้สะท้อนความตั้งใจของ AIS ในการสร้างสรรค์พื้นที่ของคนชอบเล่น จนได้เป็นตัวจริงอย่าง AIS SIAM ให้กลายเป็น Teen Sport Community Hub เพื่อสนับสนุนคนรุ่นใหม่ในสายกีฬา ให้ได้มาแสดงความสามารถ และแบ่งปันพลังบวกร่วมกันอย่างเต็มที่

สัมผัสกับความพิเศษและกิจกรรมสำหรับคนเจนซีได้ต่อเนื่องที่ AIS SIAM จุดรวมพลังของคนรุ่นใหม่ที่เชื่อมต่อทุกแรงบันดาลใจไว้ด้วยกันอย่างไร้ขีดจำกัด ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่ที่มอบประสบการณ์ใหม่ มุมทดลองสินค้าและไอเท็มพิเศษ พื้นที่สำหรับคอเกมพร้อมอุปกรณ์ครบครัน พื้นที่จัดเวิร์กช็อปและกิจกรรมสร้างสรรค์ ไปจนถึงสตูดิโอถ่ายทำและไลฟ์สตรีมระดับมืออาชีพ ทุกอย่างถูกรวมไว้ในที่เดียว  เพื่อให้ทุกคนได้มา “ลอง เล่น ให้สุด” และเติบโตไปบนเส้นทางที่รักได้อย่างเต็มที่ เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 – 21.00 น. ที่ AIS SIAM สยามสแควร์ ซอย 7

สมัครได้แล้ววันนี้ ! AIS เปิดเวิร์กช็อป “NEXTGEN CREATOR” ฟรี เปิดพื้นที่อัปสกิลนักศึกษาและคนรุ่นใหม่สู่ครีเอเตอร์มือโปร พร้อมมีโอกาสร่วมงานกับ AIS

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เดินหน้าขับเคลื่อนพลังคนรุ่นใหม่ เปิดพื้นที่แห่งโอกาสให้เยาวชนได้แสดงศักยภาพในโลกดิจิทัล ผ่านกิจกรรม “NEXTGEN CREATOR presented by AIS” เวิร์คช็อปอัปสกิลแบบเข้มข้น สำหรับนิสิต นักศึกษาที่สนใจในเส้นทางการเป็นครีเอเตอร์มืออาชีพ ให้ได้เรียนรู้ ลงมือทำ และสัมผัสประสบการณ์พัฒนาทักษะจากครีเอเตอร์แถวหน้าระดับประเทศจากหลากหลายวงการมากกว่า 10 ท่าน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายตลอดโครงการ

โดยผู้เข้าร่วมจะได้รู้ทุกทักษะ และครบทุกสูตรที่ครีเอเตอร์มือฉมังต้องมี ครอบคลุมทุกกระบวนการผลิตคอนเทนต์รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น ทักษะการเล่าเรื่อง (Storytelling) การแต่งหน้าเสริมลุค (Make up) การพัฒนาบุคลิกภาพและการแสดงออก (Personality & Acting) ทักษะการแคสเกมมืออาชีพ (Game Cater) ศิลปะการใช้เสียงบรรยายหรือพากย์เสียง (Voiceover) รวมถึงเทคนิคเบื้องหลังการถ่ายทำ เช่น การจัดแสง (Lighting) การวางแผนกระบวนการถ่ายทำ (Production) การคิดคอนเซ็ปต์และไอเดียที่สร้างสรรค์ (Creative) และอีกมากมาย เจอกัน 4 วันเต็ม! 4, 5, 18 และ 19 ตุลาคม 68 เวลา 9.30 – 17.30 น. ที่ AIS SIAM, ชั้น 3, สยามแสควร์ ซอย 7

พิเศษสุด! โอกาสครั้งสำคัญสำหรับครีเอเตอร์รุ่นใหม่ ผู้เข้าร่วมทุกคนมีสิทธิ์ลุ้นเป็นผู้ชนะ รับของรางวัลมากมาย ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท พร้อมโอกาสทำงานจริงในฐานะ Co-Content Creator กับ AIS นอกจากนี้ยังจะได้รับ Certificate การเข้าร่วมเวิร์กช็อป สิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟและของรางวัลจากแบรนด์ดังอีกเพียบ

เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ –  25 กันยายน 68 สมัครได้ง่ายๆ เพียงกรอกรายละเอียดและส่งคลิปแนะนำตัวสั้นๆ ได้ที่ https://m.ais.co.th/ZyHm40jI6 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.ais.th/consumers/lifestyle/blog/public-relations/nextgen-creator-web

“ทุกการซื้อ คือพลังแห่งการให้” ซีพีเอฟ จัดกิจกรรมสมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ สนับสนุนศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง รพ.เทพรัตน์นครราชสีมา จากมื้ออาหาร…สู่กำลังใจ เพื่อผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ตอกย้ำเจตนารมณ์ “เคียงข้างสังคมไทยในทุกวิกฤต” ภายใต้หลักปรัชญา 3 ประโยชน์ จัดกิจกรรม “ทุกการซื้อ คือพลังแห่งการให้” นำอาหารคุณภาพมาตรฐานสากล สะอาด ปลอดภัย และรสชาติอร่อย ในราคาพิเศษมาจัดจำหน่ายภายในงาน เพื่อนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายสมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้แก่ ศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา

กิจกรรมจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 1–3 กันยายน 2568 เวลา 08.00–15.00 น. ณ โรงอาหาร โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและประชาชนในพื้นที่ ร่วมส่งต่อ “พลังแห่งการให้” เพื่อสนับสนุนภารกิจสำคัญของทีมแพทย์ในการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และ นายแพทย์ชวศักดิ์ กนกกันฑพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา ร่วมเปิดกิจกรรม พร้อมด้วยผู้บริหารและจิตอาสาซีพีเอฟ

นายแพทย์ชวศักดิ์ กนกกันฑพงษ์ กล่าวว่า โรคหลอดเลือดสมองเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตและความพิการให้ผู้ป่วยจำนวนมาก จำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัยเพื่อการรักษาอย่างทันท่วงที ความร่วมแรงร่วมใจในครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการรักษาและลดการสูญเสียได้จริง

”กิจกรรมในครั้งนี้สะท้อนถึงพลังของความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับชุมชนท้องถิ่น ที่ช่วยเสริมสร้างระบบสาธารณสุขให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในนามจังหวัดขอชื่นชมและขอบคุณซีพีเอฟ ที่เล็งเห็นความสำคัญของการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่“ รองผู้ว่าฯ นครราชสีมา กล่าว

ที่ผ่านมา ซีพีเอฟ ส่งต่อความห่วงใยผ่านกิจกรรม “ทุกการซื้อ คือพลังแห่งการให้” อย่างต่อเนื่อง ทั้งการสนับสนุนโรงพยาบาลรามาธิบดีที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ การช่วยเหลือโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าหลังเหตุแผ่นดินไหว รวมถึงการซ่อมแซมโรงพยาบาลในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึง “หัวใจแห่งการแบ่งปัน” ของซีพีเอฟ ที่พร้อมเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมไทยให้เข้มแข็งและยั่งยืน

“เพราะทุกมื้อที่คุณซื้อ…คือทุกชีวิตที่เราได้ช่วยเติมความหวัง”

ร่วมด้วยช่วยกัน! ซีพีเอฟอยู่เคียงข้างทุกวิกฤต ร่วมกับโรงครัวซีพีอาสา เร่งช่วยชาวปางอุ๋ง แม่แจ่ม

“น้ำมาเร็วมาก น้ำป่าไหลท่วมจนดินสไลด์ ตอนนั้นเป็นเวลากลางคืน หลายคนไม่ทันรู้ตัว โชคดีที่ได้หลายหน่วยงานรีบยื่นมือเข้ามาช่วย” คำบอกเล่าจากชาวบ้านปางอุ๋ง ต.แม่ศึก อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ที่ต้องอพยพออกมาอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว หลังอิทธิพลพายุคาจิกิทำให้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่

แม้สถานการณ์ไม่คาดคิด แต่สิ่งที่ชาวบ้านได้รับกลับเต็มไปด้วยน้ำใจจากหลายทิศทาง “ซีพีเอฟอยู่เคียงข้างทุกวิกฤต” ก็เป็นหนึ่งในพลังที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยผนึกกำลังเครือซีพีร้อยเรียงความดี เข้ามาร่วมเสริมภารกิจโรงครัวซีพีอาสา

ที่โรงครัวกลางบ้านปางอุ๋งโรง วัดนักบุญยวงบัปติสตา หรือโบสถ์ปางอุ๋ง ซึ่งเป็นโรงครัวจิตอาสาเริ่มเดินเครื่องตั้งแต่วันแรก ขณะเดียวกัน ซีพีเอฟได้จัดเตรียมวัตถุดิบอาหารคุณภาพ ทั้งหมูบด ไก่สับ ไข่ไก่สด และน้ำดื่ม ส่งตรงถึงทีมครัว พร้อมทั้งระดมจิตอาสาซีพี-ซีพีเอฟจากหลายหน่วย ทั้งมูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิปริสุทโธ และชาวชุมชน ที่เข้าร่วมมาช่วยกันปรุงอาหารแจกจ่ายผู้ประสบภัยทั้งจากมูลนิธิกระจกเงา

วันนี้ ควันไฟจากโรงครัวยังคงลอยคลุ้งกลางหมู่บ้าน เป็นสัญญาณของความร่วมแรงร่วมใจ อาหารหลากหลายเมนูถูกส่งถึงมือผู้ประสบภัยและอาสาสมัครในพื้นที่ ไม่เพียงเติมเต็มความอิ่มท้อง แต่ยังเป็นกำลังใจที่ส่งผ่านไปกับทุกกล่องอาหาร เพื่อให้ทุกคนมีกำลังใจร่วมฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน

ซีพีและซีพีเอฟตอกย้ำเจตนารมณ์ “อยู่เคียงข้างสังคมไทยในทุกวิกฤต” พร้อมช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย