Home Blog

ซีพีเอฟ จับมือซีพีอาสา เดินหน้าช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม 3 จังหวัดต่อเนื่อง

พายุ “คาจิกิ” สร้างความเสียหายในหลายจังหวัด ฝนที่ตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม พี่น้องประชาชนหลายพื้นที่ ได้รับความเดือดร้อนทั้งด้านความเป็นอยู่และการเข้าถึงอาหาร

ซีพีเอฟ ยืนยันเจตนารมณ์ “อยู่เคียงข้างทุกวิกฤต” พร้อมร่วมมือกับเครือข่ายซีพีอาสา เร่งระดมกำลังนำโรงครัวซีพีอาสา ลงพื้นที่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์, บ้านปางอุ๋ง จังหวัดเชียงใหม่ และ บ้านผาบ่อง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อนำวัตถุดิบอาหารทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่สด และน้ำดื่ม ส่งมอบแก่โรงครัวในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง

อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ คือหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน ด้วยมวลน้ำจากแม่น้ำป่าสักและพื้นที่ใกล้เคียงเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เขตเทศบาลตาลเดี่ยวและเทศบาลเมืองหล่มสัก ทีมตอบโต้ภัยพิบัติมูลนิธิเพชรเกษมไม่รอช้า ยกกำลังเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครมูลนิธิเพชรเกษมเชียงใหม่ และอีกหลายสาขา ขนอุปกรณ์ครบครันขึ้นยักษ์แดงเพชรเกษม เดินหน้าโรงครัวเคลื่อน เคลื่อนพลฝ่าสายน้ำมุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบูรณ์ จัดตั้งโรงครัวเพื่อประชาชนอย่างทันท่วงที

ทันทีที่เต้นท์โรงครัวมูลนิธิเพชรเกษมประกอบเสร็จ บริเวณโรงเรียนหยกฟ้า อ.หล่มสัก เมื่อค่ำวานนี้ ประสิทธิ์ ใส้เพี้ย นำทีมจิตอาสาซีพีเอฟ ร่วมร้อยเรียงความดี กับทีมซีพีอาสา เร่งลำเลียงไข่ไก่ 2,100 ฟอง และเนื้อไก่ 500 กิโลกรัม ส่งมอบถึงมือทีมงานมูลนิธิเพชรเกษม เพื่อสนับสนุนภารกิจของโรงครัวฯ ในการผลิตข้าวกล่องเพื่อผู้ประสบภัย ตั้งเป้าผลิตวันละ 10,000 กล่อง กระจายลงพื้นที่น้ำท่วมช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบอุทกภัย และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ ทุกเมนูอาหารเติมพลังใจที่ส่งตรงถึงพี่น้องประชาชน

ขณะเดียวกัน ในพื้นที่บ้านปางอุ๋ง ต.แม่ศึก อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ที่เกิดเหตุดินสไลด์ ซีพีและซีพีเอฟยังเดินหน้าสนับสนุนวัตถุดิบอาหาร ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ รวมถึงน้ำดื่ม ให้แก่ทุกโรงครัวในพื้นที่ อาทิ โรงครัวกลางบ้านปางอุ๋ง วัดนักบุญยวงบัปติสตา (โบสถ์ปางอุ๋ง), โรงครัวมูลนิธิปริสุทโธ, โรงครัวมูลนิธิกระจกเงา ตลอดจนมอบผ่านศูนย์บริจาค เครื่องอุปโภค บริโภค และน้ำดื่ม เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ของกิ่งกาชาดอำเภอแม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ณ ที่ว่าการอำเภอแม่แจ่ม ที่จะกระจายวัตถุดิบทั้งหมดไปยังโรงครัวต่างๆ

ขณะที่ บ้านผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลาก ทำให้ประชาชนใน 55 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อน เครือซีพี ร่วมกับทุกกลุ่มธุรกิจในเครือฯ เร่งจัดถุงกำลังใจพร้อมวัตถุดิบอาหารเข้าให้ความช่วยเหลือ โดยมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเอกวิทย์ มีเพียร เป็นประธานในการส่งมอบถุงกำลังใจ ซึ่งซีพีเอฟ ร่วมสนับสนุนเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่สด และน้ำดื่ม มอบให้โรงครัวกลางใช้ปรุงเป็นอาหารแจกจ่ายผู้ประสบภัยและอาสาสมัครอย่างทั่วถึง

“อยู่เคียงข้างทุกวิกฤต” ไม่ใช่แค่คำมั่น แต่คือการลงมือทำจริงของเครือซีพีและซีพีเอฟ เพราะเรามีความเชื่อว่า การส่งอาหารคือการส่งพลังใจ ความช่วยเหลือจะยังคงดำเนินต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย พร้อมส่งแรงใจให้พี่น้องประชาชนและอาสาสมัครทุกคน…

มันส์ลั่นสยาม! AIS จัดกิจกรรม “CO-PLAY NIGHT” ชวนแฟนบอลรุ่นใหม่ร่วมเชียร์แมตช์หยุดโลก ไทยลีก-พรีเมียร์ลีก พร้อมดัน AIS SIAM สู่ Teen Sport Community Hub แห่งใหม่

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ตอกย้ำความมุ่งมั่นเพื่อส่งเสริมการเชียร์ฟุตบอลอย่างสร้างสรรค์ จัดงาน “AIS SIAM CO-PLAY NIGHT” ณ AIS SIAM สเปซเพื่อเจนซีแห่งใหม่ใจกลางสยาม เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา รวมพลแฟนลูกหนังร่วมเชียร์เกมการแข่งขันสุดมันส์จากสองลีกยักษ์ใหญ่ ทั้ง ไทยลีก คู่ระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด พบ พลังกาญจน์ และ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมตช์หยุดโลก ลิเวอร์พูล ปะทะ อาร์เซนอล สร้างประสบการณ์ดูบอลมิติใหม่ ผ่านหน้าจอขนาดใหญ่ในบรรยากาศสุดเร้าใจ ที่เนรมิตพื้นที่ใจกลางสยามสแควร์ให้กลายเป็นสนามเชียร์ขนาดย่อม

ภายในงานจัดเต็มบรรยากาศสุดมันส์ ทั้งกิจกรรมเกม แจกของรางวัล พร้อมแขกรับเชิญสายกีฬาตัวจริงเสียงจริงอย่าง แม็กซ์ ค่อกแค่ก นักพากย์สายฮา จอน – ขจรยศ นักเล่าเรื่องฟุตบอลไทย เจ้าของเพจ “เพจจอน” ชุ – ปรัชญา นักพากย์เสียงทรงพลัง คมลึกทุกมิติ เฟย – ภัทร นักแสดงใจรักลูกหนังตัวจริง พิชชี่ – วรันธร จากเพจ “พีชชงพีชชี่” และ แดน – มนต์ชัย นักพากย์ผู้คว่ำวอดวงการฟุตบอลไทยและบอลนอก ที่ขอลงสนามมาร่วมวิเคราะห์เกมกันสดๆ พร้อมปลุกพลังแฟนบอลทั่วประเทศให้ “ดูถูก ไม่ดูเถื่อน” ผ่าน AIS PLAY แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งคุณภาพ เชียร์มันส์ ครบแมตช์ คมชัดทุกจังหวะ

อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานคือการแสดงจากทีมCU POMPOM กลุ่มนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มาปลุกความสดใสด้วยโชว์ American-style Cheerleading เติมสีสันและพลังให้สยามลุกเป็นไฟ พร้อมด้วย DJ สุดมันส์ ที่เปิดบีตยาวๆ ให้แฟนบอลได้ปล่อยพลังเชียร์กันตลอดทั้งคืน ทั้งหมดนี้สะท้อนความตั้งใจของ AIS ในการสร้างสรรค์พื้นที่ของคนชอบเล่น จนได้เป็นตัวจริงอย่าง AIS SIAM ให้กลายเป็น Teen Sport Community Hub เพื่อสนับสนุนคนรุ่นใหม่ในสายกีฬา ให้ได้มาแสดงความสามารถ และแบ่งปันพลังบวกร่วมกันอย่างเต็มที่

สัมผัสกับความพิเศษและกิจกรรมสำหรับคนเจนซีได้ต่อเนื่องที่ AIS SIAM จุดรวมพลังของคนรุ่นใหม่ที่เชื่อมต่อทุกแรงบันดาลใจไว้ด้วยกันอย่างไร้ขีดจำกัด ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่ที่มอบประสบการณ์ใหม่ มุมทดลองสินค้าและไอเท็มพิเศษ พื้นที่สำหรับคอเกมพร้อมอุปกรณ์ครบครัน พื้นที่จัดเวิร์กช็อปและกิจกรรมสร้างสรรค์ ไปจนถึงสตูดิโอถ่ายทำและไลฟ์สตรีมระดับมืออาชีพ ทุกอย่างถูกรวมไว้ในที่เดียว  เพื่อให้ทุกคนได้มา “ลอง เล่น ให้สุด” และเติบโตไปบนเส้นทางที่รักได้อย่างเต็มที่ เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 – 21.00 น. ที่ AIS SIAM สยามสแควร์ ซอย 7

สมัครได้แล้ววันนี้ ! AIS เปิดเวิร์กช็อป “NEXTGEN CREATOR” ฟรี เปิดพื้นที่อัปสกิลนักศึกษาและคนรุ่นใหม่สู่ครีเอเตอร์มือโปร พร้อมมีโอกาสร่วมงานกับ AIS

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เดินหน้าขับเคลื่อนพลังคนรุ่นใหม่ เปิดพื้นที่แห่งโอกาสให้เยาวชนได้แสดงศักยภาพในโลกดิจิทัล ผ่านกิจกรรม “NEXTGEN CREATOR presented by AIS” เวิร์คช็อปอัปสกิลแบบเข้มข้น สำหรับนิสิต นักศึกษาที่สนใจในเส้นทางการเป็นครีเอเตอร์มืออาชีพ ให้ได้เรียนรู้ ลงมือทำ และสัมผัสประสบการณ์พัฒนาทักษะจากครีเอเตอร์แถวหน้าระดับประเทศจากหลากหลายวงการมากกว่า 10 ท่าน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายตลอดโครงการ

โดยผู้เข้าร่วมจะได้รู้ทุกทักษะ และครบทุกสูตรที่ครีเอเตอร์มือฉมังต้องมี ครอบคลุมทุกกระบวนการผลิตคอนเทนต์รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น ทักษะการเล่าเรื่อง (Storytelling) การแต่งหน้าเสริมลุค (Make up) การพัฒนาบุคลิกภาพและการแสดงออก (Personality & Acting) ทักษะการแคสเกมมืออาชีพ (Game Cater) ศิลปะการใช้เสียงบรรยายหรือพากย์เสียง (Voiceover) รวมถึงเทคนิคเบื้องหลังการถ่ายทำ เช่น การจัดแสง (Lighting) การวางแผนกระบวนการถ่ายทำ (Production) การคิดคอนเซ็ปต์และไอเดียที่สร้างสรรค์ (Creative) และอีกมากมาย เจอกัน 4 วันเต็ม! 4, 5, 18 และ 19 ตุลาคม 68 เวลา 9.30 – 17.30 น. ที่ AIS SIAM, ชั้น 3, สยามแสควร์ ซอย 7

พิเศษสุด! โอกาสครั้งสำคัญสำหรับครีเอเตอร์รุ่นใหม่ ผู้เข้าร่วมทุกคนมีสิทธิ์ลุ้นเป็นผู้ชนะ รับของรางวัลมากมาย ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท พร้อมโอกาสทำงานจริงในฐานะ Co-Content Creator กับ AIS นอกจากนี้ยังจะได้รับ Certificate การเข้าร่วมเวิร์กช็อป สิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟและของรางวัลจากแบรนด์ดังอีกเพียบ

เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ –  25 กันยายน 68 สมัครได้ง่ายๆ เพียงกรอกรายละเอียดและส่งคลิปแนะนำตัวสั้นๆ ได้ที่ https://m.ais.co.th/ZyHm40jI6 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.ais.th/consumers/lifestyle/blog/public-relations/nextgen-creator-web

“ทุกการซื้อ คือพลังแห่งการให้” ซีพีเอฟ จัดกิจกรรมสมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ สนับสนุนศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง รพ.เทพรัตน์นครราชสีมา จากมื้ออาหาร…สู่กำลังใจ เพื่อผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ตอกย้ำเจตนารมณ์ “เคียงข้างสังคมไทยในทุกวิกฤต” ภายใต้หลักปรัชญา 3 ประโยชน์ จัดกิจกรรม “ทุกการซื้อ คือพลังแห่งการให้” นำอาหารคุณภาพมาตรฐานสากล สะอาด ปลอดภัย และรสชาติอร่อย ในราคาพิเศษมาจัดจำหน่ายภายในงาน เพื่อนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายสมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้แก่ ศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา

กิจกรรมจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 1–3 กันยายน 2568 เวลา 08.00–15.00 น. ณ โรงอาหาร โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและประชาชนในพื้นที่ ร่วมส่งต่อ “พลังแห่งการให้” เพื่อสนับสนุนภารกิจสำคัญของทีมแพทย์ในการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และ นายแพทย์ชวศักดิ์ กนกกันฑพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา ร่วมเปิดกิจกรรม พร้อมด้วยผู้บริหารและจิตอาสาซีพีเอฟ

นายแพทย์ชวศักดิ์ กนกกันฑพงษ์ กล่าวว่า โรคหลอดเลือดสมองเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตและความพิการให้ผู้ป่วยจำนวนมาก จำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัยเพื่อการรักษาอย่างทันท่วงที ความร่วมแรงร่วมใจในครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการรักษาและลดการสูญเสียได้จริง

”กิจกรรมในครั้งนี้สะท้อนถึงพลังของความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับชุมชนท้องถิ่น ที่ช่วยเสริมสร้างระบบสาธารณสุขให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในนามจังหวัดขอชื่นชมและขอบคุณซีพีเอฟ ที่เล็งเห็นความสำคัญของการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่“ รองผู้ว่าฯ นครราชสีมา กล่าว

ที่ผ่านมา ซีพีเอฟ ส่งต่อความห่วงใยผ่านกิจกรรม “ทุกการซื้อ คือพลังแห่งการให้” อย่างต่อเนื่อง ทั้งการสนับสนุนโรงพยาบาลรามาธิบดีที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ การช่วยเหลือโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าหลังเหตุแผ่นดินไหว รวมถึงการซ่อมแซมโรงพยาบาลในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึง “หัวใจแห่งการแบ่งปัน” ของซีพีเอฟ ที่พร้อมเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมไทยให้เข้มแข็งและยั่งยืน

“เพราะทุกมื้อที่คุณซื้อ…คือทุกชีวิตที่เราได้ช่วยเติมความหวัง”

ร่วมด้วยช่วยกัน! ซีพีเอฟอยู่เคียงข้างทุกวิกฤต ร่วมกับโรงครัวซีพีอาสา เร่งช่วยชาวปางอุ๋ง แม่แจ่ม

“น้ำมาเร็วมาก น้ำป่าไหลท่วมจนดินสไลด์ ตอนนั้นเป็นเวลากลางคืน หลายคนไม่ทันรู้ตัว โชคดีที่ได้หลายหน่วยงานรีบยื่นมือเข้ามาช่วย” คำบอกเล่าจากชาวบ้านปางอุ๋ง ต.แม่ศึก อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ที่ต้องอพยพออกมาอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว หลังอิทธิพลพายุคาจิกิทำให้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่

แม้สถานการณ์ไม่คาดคิด แต่สิ่งที่ชาวบ้านได้รับกลับเต็มไปด้วยน้ำใจจากหลายทิศทาง “ซีพีเอฟอยู่เคียงข้างทุกวิกฤต” ก็เป็นหนึ่งในพลังที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยผนึกกำลังเครือซีพีร้อยเรียงความดี เข้ามาร่วมเสริมภารกิจโรงครัวซีพีอาสา

ที่โรงครัวกลางบ้านปางอุ๋งโรง วัดนักบุญยวงบัปติสตา หรือโบสถ์ปางอุ๋ง ซึ่งเป็นโรงครัวจิตอาสาเริ่มเดินเครื่องตั้งแต่วันแรก ขณะเดียวกัน ซีพีเอฟได้จัดเตรียมวัตถุดิบอาหารคุณภาพ ทั้งหมูบด ไก่สับ ไข่ไก่สด และน้ำดื่ม ส่งตรงถึงทีมครัว พร้อมทั้งระดมจิตอาสาซีพี-ซีพีเอฟจากหลายหน่วย ทั้งมูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิปริสุทโธ และชาวชุมชน ที่เข้าร่วมมาช่วยกันปรุงอาหารแจกจ่ายผู้ประสบภัยทั้งจากมูลนิธิกระจกเงา

วันนี้ ควันไฟจากโรงครัวยังคงลอยคลุ้งกลางหมู่บ้าน เป็นสัญญาณของความร่วมแรงร่วมใจ อาหารหลากหลายเมนูถูกส่งถึงมือผู้ประสบภัยและอาสาสมัครในพื้นที่ ไม่เพียงเติมเต็มความอิ่มท้อง แต่ยังเป็นกำลังใจที่ส่งผ่านไปกับทุกกล่องอาหาร เพื่อให้ทุกคนมีกำลังใจร่วมฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน

ซีพีและซีพีเอฟตอกย้ำเจตนารมณ์ “อยู่เคียงข้างสังคมไทยในทุกวิกฤต” พร้อมช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

LiVE Platform จัดงาน “SME ต้องรอด 2025” มุ่งปลดล็อกศักยภาพธุรกิจไทย ชี้กลยุทธ์พลิกเกมสร้างโอกาสเติบโตยั่งยืน

LiVE Platform โดยบริษัท ไลฟ์ฟินคอร์ป จำกัด ภายใต้กลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจากภาครัฐและเอกชน อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, SME D Bank, บสย., สวทช., สสว., บพข., NIA, depa, TEDFund, AIS, Humanica, สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย, สมาคมเทคโนโลยีเพื่อการตลาดประเทศไทย, สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย และ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย จัดงานสัมมนาใหญ่แห่งปี “SME ต้องรอด 2025: ปลดล็อกศักยภาพธุรกิจไทย พลิกเกม สร้างโอกาสเติบโต” มุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ผู้ประกอบการไทยพร้อมรับความท้าทายและคว้าโอกาสเติบโตท่ามกลางพลวัตเศรษฐกิจโลก ด้วยการแบ่งปันองค์ความรู้และกลยุทธ์ที่ใช้ได้จริงจากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของประเทศ โดยมีผู้ประกอบการ SMEs Startups และผู้บริหารองค์กร เข้าร่วมกว่า 1,000 คน ในวันที่ 31 สิงหาคม 2568 ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ และไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ กล่าวว่า LiVE Platform ทำหน้าที่สนับสนุนระบบนิเวศให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs และ Startups ในประเทศไทย ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาศักยภาพผ่านหลักสูตรและสัมมนาเชิงลึก เชื่อมโยงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนหลากหลายรูปแบบ ทั้งสินเชื่อและตลาดทุน การนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการปรับตัว รวมถึงการให้คำปรึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเติบโตในทุกมิติ โดยมีเป้าหมายหลักในการปลดล็อกศักยภาพ สร้างภูมิคุ้มกันให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

“ที่ผ่านมา LiVE Platform ประสบความสำเร็จในการยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง โดยบ่มเพาะและพัฒนาผู้ประกอบการผ่าน LiVE Academy แล้วกว่า 3,500 บริษัท ให้มีความพร้อมทั้งด้านการเงิน การตลาด และการบริหารจัดการธุรกิจ ช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการให้สามารถระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) ได้สำเร็จ 7 บริษัท มูลค่าระดมทุนรวมกว่า 287.5 ล้านบาท โดยมี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market cap) อยู่ที่ 4,737.82 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2568) สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง ช่วยให้ SMEs และ Startups เข้าถึงองค์ความรู้ แหล่งเงินทุน และโอกาสทางธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน และรับมือกับความท้าทายรอบด้าน” นายประพันธ์กล่าว

งาน “SME ต้องรอด 2025” ถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของ LiVE Platform และพันธมิตรในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้มีความพร้อมและเติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดวันจัดเต็ม 14 หัวข้อสัมมนา จาก 21 วิทยากร และกว่า 30 บูธพันธมิตร โดยผู้ร่วมงานจะได้อัปเดตเทรนด์เศรษฐกิจ ผู้บริโภค เทคโนโลยี และการใช้ AI พร้อมเรียนรู้เทคนิคการบริหารคน การบริหารทุน และการเข้าถึงแหล่งเงินทุน นอกจากนี้ ยังมี SMEs จาก สวทช. มา Pitching การต่อยอดธุรกิจ และ Pitching Showcase จากผู้ประกอบการที่มานำเสนอธุรกิจเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและโอกาสใหม่

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการและบริการต่างๆ ของ LiVE Platform ได้ที่เว็บไซต์ www.live-platforms.com และ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ LiVEx ซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์กระดานที่ 3 ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจ SMEs และ Startups ได้ที่ www.live-platforms.com/live-exchange

AIS ZEED 5G จับมือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ บินลัดฟ้าไปหลอนกับบ้านผีสิงธี่หยดที่ Universal Studios Singapore

AIS ZEED 5G ตอกย้ำความเป็นผู้นำ “Teen Entertainment Ecosystem” ด้วยการยกระดับประสบการณ์ดูหนังไปอีกขั้น นำโดย นางเบญจพร กำเพ็ชร หัวหน้าสำนักการตลาดกลุ่มลูกค้าพรีเพด ร่วมกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์  โดย นายสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)เปิดตัวแคมเปญ “ZEED Movie Lover ฟินทะลุจอ บุก Universal Studios Singapore” ชวนลูกค้าวัยทีนลุ้นฟินทะลุจอ บินลัดฟ้ามอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ สัมผัสความหลอนของบ้านผีสิงจากภาพยนตร์ไทย “ธี่หยด” ในงาน Halloween Horror Nights สวนสนุก Universal Studios ประเทศสิงคโปร์ เชื่อมโยงคอนเทนต์ภาพยนตร์ไทยสู่เวทีระดับโลก

เพียงสมัครแพ็กเกจเสริม AIS ZEED Movie Lover และตอบคำถามใต้โพสต์กิจกรรมในเพจ AIS Facebook ว่า “ทำไม ZEED MOVIE LOVER ถึงเป็นแพ็กเกจที่ต้องมี?” แล้วแชร์โพสต์เป็นสาธารณะ ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลแพ็กเกจทัวร์ Universal Singapore 3 วัน 2 คืน จำนวน 2 รางวัล (รางวัลละ 2 ที่นั่ง) ร่วมสนุกได้ถึง 10 ก.ย. 68 ประกาศผล 15 ก.ย. และเดินทาง 26–28 ก.ย. นี้ สมัครแพ็กเสริม AIS ZEED MOVIE LOVER ได้ง่ายๆ แค่กด *824# โทรออก ร่วมสนุกได้ที่ https://m.ais.co.th/aWHWQlaTM

บจ. mai รายงานผลการดำเนินงาน 6 เดือน ปี 2568 ยอดขายรวม 100,869 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 3,195 ล้านบาท

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 218 บริษัท คิดเป็น 97% จากทั้งหมด 225 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงาน โดย 6 เดือนแรกของปี 2568 เปรียบเทียบกับปีก่อน มียอดขายรวม 100,869 ล้านบาท ลดลง 3.9% ต้นทุนขาย 74,388 ล้านบาท ลดลง 3.8% กำไรขั้นต้น 26,482 ล้านบาท ลดลง 4.1% อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 2% ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงาน 6,356 ล้านบาท ลดลง 19.3% และมีกำไรสุทธิรวม 3,195 ล้านบาท ลดลง 42.7% เนื่องจากกำไรสุทธิของ บจ. บางแห่งลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ หากพิจารณาความสามารถในการทำกำไรพบว่า บจ. ยังรักษาระดับ GPM ในระดับเท่าเดิมที่ 26.3% ขณะที่ OPM และ NPM ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.3% และ 3.1% ตามลำดับ

“ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปี 2568 พบว่ายอดขายและกำไรสุทธิลดลง โดยมี 103 บจ. หรือคิดเป็น 47% ของบริษัทที่นำส่งงบ รายงานยอดขายเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ สาเหตุหลักของการลดลงเกิดจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และผลการดำเนินงานของ บจ. บางแห่งที่ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และมีผลกระทบในสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับผลประกอบการรวมของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/2568 นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากบาง บจ. ที่มีการลงทุนเพื่อสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม มี 3 กลุ่มอุตสาหกรรมยังสามารถรักษาการเติบโตของยอดขาย ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มบริการ และกลุ่มเทคโนโลยี” นายประพันธ์กล่าว

ด้านฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 328,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.13% จากสิ้นปี 2567 และโครงสร้างเงินทุนรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 0.79 เท่า เท่ากับสิ้นปี 2567

ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 225 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2568) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 250.74 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 247,035.89 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 569 ล้านบาทต่อวัน

ตลท. เผยผลดำเนินงานบจ. ครึ่งแรกปี 2568 รายได้อ่อนตัวเล็กน้อย แต่พลิกมีกำไรเพิ่มขึ้น จากการปรับโครงสร้างธุรกิจและการลงทุน

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บจ. จำนวน 809 บริษัท คิดเป็น 98.5% จากทั้งหมด 821 บริษัท (รวม SET และ mai ที่มีกำหนดส่งงบการเงิน ณ สิ้นงวด 30 มิถุนายน 2568 และไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน) นำส่งผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปี 2568 พบว่ามี บจ. รายงานกำไรสุทธิ 591 บริษัท คิดเป็น 73.1% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2568 เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน บจ. ใน SET มียอดขาย 8,342,603 ล้านบาท ลดลง 6.5% ขณะที่ต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายการขายและบริหารลดลง 6.0% และ 0.8% ตามลำดับ ทำให้ บจ. มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core profit) 794,606 ล้านบาท ลดลง 16.3% อย่างไรก็ดี จากความพยายามควบคุมการใช้เงินกู้และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลง 11.3% อีกทั้งมีธุรกรรมที่ก่อให้เกิดรายได้พิเศษ เช่น กำไรจากการควบรวมกิจการ การปรับโครงสร้างธุรกิจ และการลงทุน ส่งผลให้ บจ. มีกำไรสุทธิ 589,542 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.4% ทั้งนี้ หากไม่รวมธุรกิจด้านพลังงานและปิโตรเคมีภัณฑ์ บจ. มียอดขายและกำไรจากการดำเนินงาน ลดลงเล็กน้อย 0.7% และ 2.3% ตามลำดับ

ด้านฐานะการเงินของกิจการ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 บจ. ไทยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E ratio (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ 1.49 เท่า ลดลงจาก 1.59 เท่า ณ ช่วงเดียวกันในปีก่อน

“ภาพรวมครึ่งแรกของปี 2568 บจ. ไทย ที่เติบโตได้ดี ยังคงเกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค และการบริการ ได้แก่ 1) หมวดอาหารและเกษตร ซึ่งได้รับผลบวกจากราคาเนื้อสัตว์และอัตรากำไรที่ดีขึ้น รวมถึงราคายางที่ปรับสูงขึ้น 2) หมวดค้าปลีกและโรงพยาบาล ยังคงเติบโตจากยอดการใช้จ่ายในประเทศ และ 3) หมวดโทรคมนาคม ได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้ Data และ Internet เพิ่มตามแนวโน้มการปรับสู่สังคม Digital ที่เติบโต อย่างไรก็ตาม บจ. ไทยยังคงเผชิญความท้าทายจากราคาน้ำมันลดลง ค่าเงินบาทแข็งค่า ซึ่งกระทบ บจ. ในธุรกิจด้านพลังงานและปิโตรเคมีภัณฑ์ และกลุ่มที่มีการขายอ้างอิงสกุลเงินต่างประเทศ จึงทำให้ผลการดำเนินงานรวมชะลอลงจากปีก่อน” นายอัสสเดชกล่าว

ด้านผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) รายงานผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปี 2568 มียอดขายรวม 100,869 ล้านบาท ลดลง 3.9% ต้นทุนขาย 74,388 ล้านบาท ลดลง 3.8% ทำให้มีกำไรขั้นต้น 26,482 ล้านบาท ลดลง 4.1% ทั้งนี้ บจ. มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 2% ส่งผลให้ บจ. มีกำไรจากการดำเนินงาน 6,356 ล้านบาท ลดลง 19.3% และมีกำไรสุทธิรวม 3,195 ล้านบาท ลดลง 42.7%

“รักษ์ลำน้ำมูล” ซีพีเอฟจับมือชาวโคราช ปลุกพลังรักษ์ป่า ปั้นเยาวชนเป็น “นักสืบสายน้ำ”


 
วันนี้อุทยานแห่งชาติทับลาน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ไม่ได้มีแค่เสียงนกก้องป่า แต่ยังมีความคึกคักเป็นพิเศษ เมื่อคนทุกวัยที่มีหัวใจรักธรรมชาติมารวมพลังทำกิจกรรม “รักษ์ลำน้ำมูล” เพื่อดูแลและฟื้นฟูแม่น้ำสายสำคัญของอีสาน “ลำน้ำมูล” ที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนตั้งแต่นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ จนถึงอุบลราชธานี
 
เพราะการดูแลแม่น้ำสายนี้ ไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือภารกิจร่วมกันของทุกคนที่จะส่งต่อความอุดมสมบูรณ์ให้ลูกหลานได้ใช้ชีวิตอย่างสดชื่นในอนาคต
 
“การปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนเห็นคุณค่าและร่วมกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติ คือรากฐานสำคัญของการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ ตลอด 16 ปีที่ผ่านมา

‘โครงการรักษ์ลำน้ำมูล’ ของซีพีเอฟ เป็นตัวอย่างชัดเจนของความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจ ภาครัฐ และชุมชนที่ช่วยฟื้นฟูป่า อนุรักษ์แหล่งน้ำ และปลูกฝังจิตสำนึกการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพราะลำน้ำมูลไม่ใช่เพียงแค่แม่น้ำ แต่คือสายใยชีวิตของพี่น้องชาวโคราช” นายพีรวัฒน์ ธีระวัฒนา นายอำเภอครบุรี กล่าว
 
“โครงการรักษ์ลำน้ำมูล” จากความร่วมมือที่ยาวนานกว่า 16 ปี ที่ซีพีเอฟ โดยโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ นครราชสีมา ริเริ่มขึ้น โดยตลอดระยะทางมีภาครัฐ และชุมชน เป็นพลังสำคัญในความสำเร็จตลอดมา กิจกรรมล่าสุด เป็นการปลูกต้นไม้ 2,000 ต้น และปล่อยพันธุ์ปลาพื้นถิ่นกว่า 85,000 ตัว ลงเขื่อนมูลบน ทั้งปลาตะเพียน ยี่สก ปลาหมอ และปลาสร้อยขาว
เพื่อฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ
 
น้องฝ้าย – ด.ญ.อัญชิสา ช่วยชุม รร.จอมทองวิทยา เล่าอย่างภูมิใจพร้อมรอยยิ้มกว้างว่า “หนูชอบมากที่ได้มาปลูกป่ากับเพื่อนๆ รู้สึกว่าบ้านเราจะมีป่าสมบูรณ์ขึ้น แถมยังได้เรียนรู้วิธีปลูกต้นไม้ที่ถูกต้องจากพี่ๆ ซีพีเอฟ แล้วก็ยังได้ปล่อยปลาด้วย อยากชวนทุกคนมาทำกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ เพราะได้ทั้งความสนุกและใช้เวลาว่างให้มีประโยชน์ด้วย”
 
ขณะที่ นายอภิศักดิ์ สุขประเสริฐ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน บอกว่า “การเข้ามาของซีพีเอฟช่วยเติมเต็มสิ่งที่พื้นที่ยังขาด ไม่ว่าจะเป็นการปลูกและบำรุงรักษาป่า
รวมถึงการปล่อยปลาเพื่อเพิ่มแหล่งอาหารให้ชุมชน ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน จากผืนป่าเสื่อมโทรมกว่า 100 ไร่ที่เคยแห้งแล้ง กลับฟื้นคืนเป็นป่าเขียวชอุ่มอีกครั้ง ปริมาณปลาก็เพิ่มขึ้น ทำให้ชาวบ้านมีอาหารบริโภคได้ตลอดทั้งปี”
 
“รักษ์ลำน้ำมูล” ไม่ได้สร้างแค่ป่าและปลา แต่ยังสร้าง “พลังร่วม” ของรัฐ เอกชน และชุมชนที่จับมือกันดูแลแม่น้ำสายชีวิตให้คงความอุดมสมบูรณ์ หลักปรัชญา “3 ประโยชน์” ของเครือซีพี ‘ประโยชน์ต่อประเทศ ประโยชน์ต่อประชาชน ประโยชน์ต่อบริษัท’ โดยเฉพาะในด้านประโยชน์ต่อประเทศชาติและต่อประชาชน จึงถูกถ่ายทอดผ่านพื้นที่จริง ที่วันนี้กลายเป็นทั้งผืนป่าอุดมสมบูรณ์ ครัวธรรมชาติ ห้องเรียนกลางแจ้ง และแหล่งท่องเที่ยวชุมชนไปพร้อมกัน
 
ไม่หยุดแค่ปลูกป่า–ปล่อยปลา ซีพีเอฟยังเดินหน้าต่อยอดด้วย “โครงการนักสืบสายน้ำ” ปีที่ 13 ถ่ายทอดความรู้ให้เยาวชนได้เรียนรู้การตรวจสอบคุณภาพน้ำ เข้าใจคุณค่าของป่าต้นน้ำ และปลูกหัวใจสีเขียวให้คนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาช่วยดูแลธรรมชาติด้วยตัวเอง จนถึงปัจจุบันมีน้องๆ เยาวชน ร่วมเป็นนักสืบสายน้ำแล้วกว่า 2,500 คน
 
ตลอด 16 ปีแห่งความต่อเนื่อง โครงการนี้ไม่เพียงฟื้นฟูระบบนิเวศ แต่ยังสร้างความสามัคคี ความรู้สึกเป็นเจ้าของและความภูมิใจของทุกภาคส่วน “รักษ์ลำน้ำมูล” จึงไม่ใช่แค่การดูแลธรรมชาติแต่คือการ “ปลูกหัวใจ” ให้ผู้คนเติบโตพร้อมความรักและความหวงแหนสิ่งแวดล้อม
 
ที่สุดแล้ว…นี่คือ “ความดีที่ส่งต่อได้” จากรุ่นสู่รุ่น และตราบใดที่สายน้ำยังไหล ลำน้ำมูลก็จะยังคงเล่าเรื่องราวของความร่วมมือ ความรัก และความดีที่ไม่มีวันสิ้นสุด
 
ฟัง “เสียงจากคนลงมือจริง” >> https://youtu.be/j7RED1VKS4I?si=LkNRfS9lanOSw4e3