Home Blog Page 6

AIS ZEED 5G จับมือ TikTok ชวนวัยรุ่นสร้างคอนเทนต์ เป็นครีเอเตอร์หน้าใหม่ ชิงรางวัล 1 แสนบ.

AIS ZEED 5G ตอกย้ำความเป็นที่ 1 ในใจวัยทีน ร่วมกับ TikTok เปิดตัวกิจกรรมสุดสนุก “ปลดล็อคความซี๊ด ชวนวัยรุ่นสร้างคอนเทนต์” พร้อมเฟ้นหาสุดยอดครีเอเตอร์ขนเหล่า Creators TikToker ตัวแม่ตัวมัม มาอัพสกิลการทำคอนเทนต์สู่การเป็น นักสร้างคอนเทนต์จากคลิปวิดีโอสั้นยังไง ให้มีรายได้ เสริมความมั่นใจในการเริ่มต้นเป็นนักทำคอนเทนต์แก่น้องๆ วัยทีนในมหาวิทยาลัย ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวม 100,000 บาท

นางเบญจพร กำเพ็ชร หัวหน้าส่วนงานการตลาดกลุ่มลูกค้าพรีเพด AIS กล่าวว่า “คอนเทนต์ครีเอเตอร์ กลายเป็นเทรนด์ที่วัยรุ่นให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่ใช่เพียงแค่การสร้างสรรค์เนื้อหาและเรียบเรียงร้อยเรื่องให้มีความน่าสนใจเท่านั้น แต่วันนี้การเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์นำไปสู่การสร้างอาชีพในหลากหลายรูปแบบบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย สอดคล้องกับเป้าหมายการทำงานของ AIS ZEED 5G ที่มุ่งตอบไลฟ์สไตล์วัยทีนในทุกรูปแบบด้วยการส่งมอบสินค้าและบริการที่สร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่หลากหลาย รวมถึงวันนี้เรายังสร้างคอมมูนิตี้วัยทีนผ่านกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง อย่างในครั้งนี้เราทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดฮิตของวัยรุ่นอย่าง TikTok เพื่อสร้างเวทีแห่งโอกาสในการปั้น Creator สู่การเป็น Creator มืออาชีพ ที่สามารถสร้างรายได้ ได้จริง จากการได้ลงมือคิดจริง วางแผนจริง และทำจริง เพื่อสานฝันให้วัยทีนได้มีทักษะสามารถการทำคอนเทนต์อย่างมืออาชีพได้ในอนาคต”

นอกจากนี้ ยังพาเหล่า TikToker ชื่อดังมาถ่ายทอดประสบการณ์แบ่งปันไอเดียสร้างสรรค์ เพื่อเริ่มต้นการเป็นนักทำสร้าง Short Content Creator มืออาชีพให้กับน้องๆ นิสิต นักศึกษาถึงรั้วมหาวิทยาลัยกันเลยทีเดียว ซึ่งกิจกรรม “ปลดล็อคความซี๊ด ชวนวัยรุ่นสร้างคอนเทนต์” โดยผลิตคอนเทนต์รูปแบบ VDO เพื่อนำเสนอ AIS ZEED 5G Sim แบบเติมเงิน ผ่านความคิดสร้างสรรค์ในรูปแบบของตนเอง พร้อมโพสต์คลิปลงผ่านช่องทาง TikTok ของตัวเอง และติดแฮชแท็ก #ปลดล็อคความซี๊ด #AISZEED5G ผู้ที่ทำผลงานได้สร้างสรรค์ ถูกใจคณะกรรมการที่สุด ลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท

สำหรับน้องๆ วัยทีนที่สนใจสามารถส่งคลิปเข้าร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 19 กันยายน 2567 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ais.th/ZEEG5GxTikTok

ไห่หนาน ขยายสาขา ‘ฟอร์จูนทาวน์’ ย่านพระราม 9 ตอกย้ำความสำเร็จ ข้าวมันไก่สุขภาพดี

ไห่หนาน ขยายสาขาใหม่ ‘ฟอร์จูนทาวน์’ ทำเลศูนย์กลางธุรกิจย่านพระราม 9 เอาใจคนทำงานและผู้ที่อยู่อาศัยใกล้เคียง ที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารจีนสไตล์เอเซียนฟิวชัน คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี รังสรรค์สูตรและปรุงอย่างพิถีพิถันจากเชฟอาหารจีนมากประสบการณ์ ผสมผสานกลิ่นอายกวางตุ้งกับแต้จิ๋วผสมไทย และต้นตำรับไห่หนานที่เป็นสูตรลับเฉพาะ สะอาด ถูกหลักอนามัย มีที่นั่งสบาย สามารถรองรับลูกค้าเพียงพอแม้ในชั่วโมงเร่งรีบ โดยมี นายสุนทร จักษุกรรฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีเอฟ เรสเทอรองท์ แอนด์ ฟู้ดเชน จำกัด ร่วมแสดงความยินกับ นายคณัส ธรรมอิทธิศักดิ์ เจ้าของร้าน

นายสุนทร จักษุกรรฐ์ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของร้าน ไห่หนาน เพื่อส่งเสริมให้ลูกค้าได้รับประทานข้าวมันไก่ที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ จึงเกิดเป็นเมนูซิกเนเจอร์อย่าง ข้าวมันไก่เบญจา ที่นำวัตถุดิบคุณภาพอย่าง ‘ไก่เบญจา’ มาปรุงอย่างพิถีพิถัน เสิร์ฟพร้อมกับข้าวมันหอมมะลิเม็ดร่วนและน้ำจิ้มสูตรเด็ด และน้ำซุปกลมกล่อม เอกลักษณ์เฉพาะของร้านไห่หนาน ในราคาที่คุ้มค่า นอกจากนี้ ยังมีเมนูเลิศรสจากไก่เบญจา รวมถึงเมนูทานเล่นอีกมากมาย

สำหรับเมนูยอดนิยม ที่ไม่ควรพลาด อย่าง ‘ไก่น้ำลายสอ’ ออเดิร์ฟเริ่มต้นความอร่อย พิถีพิถันตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ ปรุงด้วยเครื่องเทศชั้นเยี่ยมนำเข้าจากเมืองจีน ซึ่งสูตรลับความอร่อยจนน้ำลายสอของจานนี้คือ ซอสเสฉวนที่เคี่ยวจากเครื่องเทศมากกว่า 15 ชนิด จนได้ซอสสีน้ำตาลเข้ม ครบรส มาพร้อมกับกลิ่นเผ็ดหอมกรุ่นสไตล์จีน ราดบนไก่เบญจา ที่เนื้อนุ่มฉ่ำ หนังบาง และอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย อย่างโอเมก้า 3 โรยหน้าด้วยงาคั่วหอมๆ พริกแดง และต้นหอมซอย เติมสีสันให้เมนูน่ารับประทานยิ่งขึ้น

‘เกี๊ยวกุ้งเสฉวน’ เมนูเปิดต่อมรับรส กุ้งเนื้อแน่น ห่อด้วยแผ่นแป้งบางนุ่ม ลวกจนสุกด้วยอุณหภูมิพอเหมาะก่อนนำมาคลุกเคล้าซอสเสฉวน สูตรพิเศษของร้านไห่หนาน โรยหน้าด้วยต้นหอม ให้รสสัมผัสถึงความเผ็ดหอมอันเป็นเอกลักษณ์

ถัดมา ‘บะหมี่เกี๊ยวกุ้งเคาหยก’ อีกหนึ่งเมนูแนะนำที่เชฟอาหารจีนมากประสบการณ์จากร้านไห่หนาน รังสรรค์ทุกองค์ประกอบของเมนูนี้ได้อร่อยอย่างลงตัว ทั้งรสสัมผัสของบะหมี่เส้นเหนียวนุ่มกับเกี๊ยวกุ้งเต็มตัวเคี้ยวกรุบกรอบเต็มคำ เสิร์ฟพร้อมหมูสามชั้นตุ๋น เนื้อนุ่มละลายในปาก ตัดเลี่ยนด้วยผักกวางตุ้งลวก

ใครที่ต้องการลิ้มรสความอร่อยกับอาหารจีนสไตล์เอเซียนฟิวชั่น แบบ “ไห่หนาน” ขณะนี้มีบริการทั้งสิ้น 5 สาขา ได้แก่ 1.) ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น LG 2.) ศูนย์การค้าเมกะบางนา (เมกะฟู้ด ชั้น1) 3.) เซ็นทรัลเวสต์เกตชั้น G 4.) ซี.พี.ทาวเวอร์ สีลม และสาขาใหม่ล่าสุด ฟอร์จูนทาวน์ ชั้น 1 ติดตามโปรโมชันดีๆ และข่าวสารเพิ่มเติม ได้ที่ : Facebook Page: Hainanese Chicken Rice – ข้าวมันไก่ไห่หนาน

ด้าน ผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของธุรกิจร้านไห่หนาน แม้ไม่เคยมีประสบการณ์ทำร้านอาหารมาก่อน ก็สามารถเป็นเจ้าของกิจการได้อย่างมืออาชีพ มีทำเลให้เลือก ลงทุนไม่สูง แต่คืนทุนไว และได้กำไรเร็ว ให้คำปรึกษาโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ช่วยทำการตลาดและส่งเสริมการขายบนแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างเต็มที่ สนใจติดต่อ 02-800-8000 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่: https://fivestar.in.th/franchise/ข้าวมันไก่ไห่หนาน/

เมืองไทยประกันชีวิต จัดแคมเปญ  “Tuesday Smiley กาแฟพันธุ์ไทย” มอบความสดชื่นทุกวันอังคาร

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิต โดยเมืองไทยสไมล์คลับ เดินหน้าส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ด้วยการเพิ่มประสบการณ์สุดพิเศษ ล่าสุดจับมือกาแฟพันธุ์ไทย จัดแคมเปญ  “Tuesday Smiley กาแฟพันธุ์ไทย” ด้วยการมอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ วันอังคารพอยท์น้อย เพียงใช้  2 Smile Points แลกรับส่วนลด 30 บาท สำหรับซื้อเครื่องดื่มร้อน  เย็น หรือปั่น  ที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทยทุกสาขา ยกเว้นสาขาท่าอากาศยาน โดยสามารถกดรับสิทธิ์ได้ทุกวันอังคารและเก็บโค้ดไว้ใช้ได้จนถึง 30 กันยายน 2567 ผ่านช่องทาง MTL Click Application ระยะเวลาการใช้สิทธิ์ 1 กรกฎาคม  – 30 กันยายน 2567

สำหรับในช่วงที่เหลือของปี ทางเมืองไทยสไมล์คลับ ยังคงเดินหน้าคัดสรรประสบการณ์แห่งการดูแล การสร้างสรรค์กิจกรรม สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ตอบรับกับ Lifestyle ของสมาชิกฯ ทุกระดับ ทั้งการรับสิทธิพิเศษฟรี ส่วนลดร้านค้า และการแลกคะแนนสะสม Smile Point เพื่อให้สมาชิกฯ สัมผัสได้ถึงความรู้สึกคุ้มค่ามากกว่าแค่คุ้มครอง ผ่านสิทธิประโยชน์ และกิจกรรมที่ตอบโจทย์ทุก Gen ตอบรับทุก Lifestyle ยกระดับการใช้ชีวิตของคุณสู่ Digital Lifestyle ผ่านแอปพลิเคชัน MTL Click

โดยลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิต สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ สามารถติดตามกิจกรรม และสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ MTL Click Application ซึ่งดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android หรือเว็บไซต์ www.muangthai.co.th ตลอดจนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 1766 กด 4 เมืองไทยประกันชีวิต หรือศูนย์บริการลูกค้าทั่วประเทศ

ตลท.ให้ซื้อขายหุ้น JKN และ SAM ชั่วคราวด้วยบัญชี Cash Balance วันที่ 16 ส.ค. – 15 ก.ย. 67

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหำชน) (JKN) และบริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหำชน) (SAM) ชั่วคราว วันที่ 16 ส.ค. – 15 ก.ย. 67 โดยให้ซื้อด้วยบัญชี Cash Balance

ทั้งนี้ หลักทรัพย์ของ JKN และ SAM ถูกสั่งห้ามซื้อขายโดยขึ้นเครื่องหมำย SP (Suspension) มาตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เนื่องจสกไม่นำส่งงบกำรเงินไตรมสส 1 ปี 2567 และปัจจุบันบริษัทยังไม่สามารถนำส่งงบการเงินดังกล่าวได้

การถูกสั่งห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ JKN และ SAM จะครบ 3 เดือนในวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงจะเปิดให้ซื้อขำยได้ชั่วคราว เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายได้ ก่อนที่หลักทรัพย์ JKN และ SAM จะถูกหยุดพักการซื้อขายต่อ โดยจะเปิดให้ซื้อขายเป็นเวลา 1 เดือน ระหว่ำงวันที่ 16 สิงหำคม – 15 กันยายน 2567 ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้

  1. ให้หลักทรัพย์ JKN และ SAM ซื้อด้วยบัญชี Cash Balance กล่ำวคือ ผู้ซื้อต้องชำระเงินทั้งจำนวนก่อนการซื้อหลักทรัพย์
  2. ขึ้นเครื่องหมำย NC กำกับตลอดระยะเวลาที่ให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ เพื่อเตือนผู้ลงทุนให้ใช้ควำมระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์
  3. กำหนดให้การซื้อขายหลักทรัพย์ JKN และ SAM ในวันแรก (16 สิงหำคม 2567) มีราคาสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) ไม่เกินหนึ่งเท่าจากราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย
  4. ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะไม่นำหลักทรัพย์ JKN และ SAM มารวมในกำรคำนวณดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ (SET Index)

เมื่อครบระยะเวลำดังกล่าว (คือ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยำยน 2567 เป็นต้นไป) ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ของ JKN และ SAM โดยขึ้นเครื่องหมำย SP จนกว่าบริษัทจะนำส่งงบการเงินได้ครบถ้วน
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวังในการซื้อขำยหลักทรัพย์ และศึกษาข้อมูลของ JKN และ SAM โดยละเอียด เช่น ข่าวย้อนหลัง ฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน ความเห็นผู้สอบบัญชี ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คณะกรรมการ เป็นต้น ตลอดจนความเสี่ยงและปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลของผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับข้อมูลงบการเงินพร้อมความเห็นผู้สอบบัญชีงวดล่าสุด และแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1 One Report) ล่าสุด ที่บริษัทเปิดเผยผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งผู้ลงทุนสามารถศึกษำข้อมูลสำคัญของ JKN ที่ https://www.set.or.th/th/market/product/stock/quote/JKN/company-profile/information และ SAM ที่ https://www.set.or.th/th/market/product/stock/quote/SAM/company-profile/information

เมืองไทยประกันชีวิต จัดสัมมนา Muangthai Wealth Master 2024 หัวข้อ “Wealth Transfer เรื่องสำคัญที่คนยุคใหม่ต้องรู้”

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนา Muangthai Wealth Master 2024 หัวข้อ “Wealth Transfer เรื่องสำคัญที่คนยุคใหม่ต้องรู้”  โดยมี นางสาวอุมาพันธุ์ เจริญยิ่ง รองกรรมการผู้จัดการ  อาจารย์อิสรานุวัฒน์  ศรีคุณ อาจารย์จากสถาบันเสริมศึกษาและทรัพยากรมนุษย์  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมรดก และนางศิรัถยา อิศรภักดี พิธีกร ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจการเงิน ร่วมเสริมทัพให้ความรู้ ด้านการวางแผนเพื่อส่งต่อความมั่งคั่ง (Wealth Transfer) พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับการวางแผนมรดก และการทำพินัยกรรมชีวิต  ซึ่งปัจจุบันกำลังเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจและถูกพูดถึงอย่างมากในปีนี้ ภายในงานยังอัดแน่นไปด้วยความรู้ เกี่ยวกับการวางแผนทางการเงิน และการสร้างหลักประกันคุ้มครองชีวิต การเตรียมความพร้อม ตลอดจนการหาแนววิธีในการบริหารชีวิต การจัดการด้านความเสี่ยงที่ถูกต้อง ถูกกฎหมาย รวมไปถึงการอัปเดตภาวะเศรษฐกิจที่สำคัญทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก 

โดยในงานมี นางสาวธัญนันท์ ฉันทไกรวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นายอลงกรณ์ สวัสดิภาพ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นายราชันย์ พันทองหลาง ผู้อำนวยการ ฝ่ายสนับสนุนการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  ร่วมด้วย งานจัดขึ้น ณ  ห้อง The Pavilion  โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ.

ทะลุ 4 ล้านวิว! ห้าดาว เปิดตัวหนังโฆษณา ‘ความอร่อยที่คุ้มเคย’ ตอกย้ำความคุ้มค่าคู่คนไทยยาวนานกว่า 40 ปี

หากพูดถึงความคุ้มค่าเชื่อว่า ‘ห้าดาว’ (FIVE STAR) คือแบรนด์ที่หลายใครนึกถึง ด้วยเมนูฮิตตลอดกาล อย่าง ไก่ย่าง ที่ครองใจคนไทยมายาวนานมากกว่า 40 ปี เป็นอาหารที่ให้ความคุ้มค่า คุ้มราคา และคุ้มคุณภาพแบบเต็มๆ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะคึกคักหรือซบเซา ‘ห้าดาว’ ไม่เคยลดขนาด ลดปริมาณ มีแต่ลดราคาแบบสุดคุ้ม

ล่าสุด ห้าดาวปล่อยแคมเปญ ‘ความอร่อยที่คุ้มเคย’ แนว Advertainment หรือ การสร้างความสัมพันธ์ที่ส่งเสริมผลิตภัณฑ์และแบรนด์กับการทำโฆษณา ผ่านคราฟต์โปรดักชั่น แฝงไว้ด้วยกลเม็ดความบันเทิงที่หยิบเอาฉากล้อเลียนจากภาพยนตร์ยอดนิยมของคนไทย อาทิ ฉากหนีซอมบี้ จาก Train To Busan ที่รีเมคเอฟเฟคมาแบบจัดเต็มไม่แพ้หนังฟอร์มยักษ์ หรือฉากถีบบันลือโลกจาก 300 หรือหนังเขย่าขวัญสุดคลาสสิคอย่าง Jurassic Park รวมถึง หนัง Sci-Fi ที่กวาดรางวัลมากมาย อย่าง Interstellar มาร้อยเรียงให้เกิดความน่าสนใจและชวนให้ติดตาม ดึงดูดให้ดูหนังโฆษณาจนจบ แม้จะสอดแทรกการขายของแบบจัดเต็ม แต่ทำให้รู้สึกถึงความ ‘คุ้ม’ ในทุกเรื่องที่นำเสนอ ไม่ว่าจะอยู่ในฉากไหนก็ชวนให้เพลิดเพลิน เกิดอารมณ์ขัน ชวนติดตามดูโฆษณานี้กันจนจบแน่นอน

กลยุทธ์ของการทำโฆษณาแคมเปญของห้าดาวตัวนี้ ยังคงตอกย้ำ ‘แบรนด์ยืนหนึ่งเรื่องคุ้มค่าคู่กับคนไทยมายาวนานกว่า 40 ปี’ ซึ่งนอกจากความคุ้มค่าและราคา ยังครอบคลุมไปยัง ‘คุ้มในปริมาณ’ เนื้อไก่ที่ต้องมีชิ้นใหญ่ ไม่ลดขนาด ไก่จ๊อ 5 ลูกที่ไม่ลดจำนวน ‘คุ้มเรื่องรสชาติ’ ที่ควบคุมให้หอมนุ่ม อร่อย สาขาไหนต้องอร่อยเท่ากัน ‘คุ้มเรื่องคุณภาพ’ ที่ใส่ใจคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค น้ำมันต้องเปลี่ยน ไม่ใช้เกินค่ามาตรฐานกำหนด ไก่ย่างต้องย่างไม่มีควัน เพื่อลดสารก่อมะเร็ง ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ พบเจอกับเศรษฐกิจแบบไหน สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง คือ ‘ห้าดาวคุ้ม’ ที่สุด

ติดตามรับชมโฆษณาตัวใหม่ของห้าดาว ได้ช่องทาง Facebook page : Five Star Chicken >> https://www.facebook.com/Fivestarbusiness/videos/1121011039000928 หรือ Youtube : https://youtu.be/AyZ8AumTlfc

ให้ห้าดาวเป็นส่วนหนึ่งของมื้ออร่อยที่มอบความคุ้มค่า คุ้มราคา ที่ Star Delivery : https://fivestar.in.th/deliverylocation/ หรือผ่านสั่งผ่าน Grab food, LINE MAN และ True Food รวมถึงซุ้มห้าวดาว ที่พร้อมให้บริการความคุ้มแก่คนไทยทุกคน .

แม็คกรุ๊ป มอบผลิตภัณฑ์ “แม็คยีนส์” สนับสนุนการเรียนการสอนแก่นศ. ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์”  โดย นายปิยะ โอฬารริกสุภัค ประธานเจ้าหน้าที่ด้านบัญชีและการเงิน บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทน มอบผลิตภัณฑ์ “แม็คยีนส์” มูลค่า 1,271,075 บาท แก่ รองศาสตราจารย์ ดร.สรพงษ์ ภวสุปรีย์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอน ส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาด้านการออกแบบ สร้างสรรค์ธุรกิจสิ่งทอ และเครื่องแต่งกาย รวมทั้งสร้างองค์ความรู้ด้านประสบการณ์ในการปฏิบัติการสร้างสรรค์ กระบวนการเทคนิค และเทคโนโลยีทางด้านนวัตกรรมการออกแบบเพื่อพัฒนาขีดความสามารถ แก่นักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ คณะวิศกรรมศาตร์

ที่ผ่านมา บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โดย “แม็คกรุ๊ป” จะให้การสนับสนุนการเรียน การสอนของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี โดยมอบวัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ ในการสร้างสรรค์ผลงานด้านการออกแบบ การวิจัยและการถ่ายทอดเทคโนโลยี การสร้างนวัตกรรม หรืออื่นๆ ของนักศึกษา ระหว่างคณะวิทยาศาสตร์ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ และคณะอื่นที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังร่วมสนับสนุนองค์ความรู้อื่นๆ ที่มีประโยชน์ให้แก่คณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาในลำดับต่อไป  

กระทะเหล็ก ปักหมุดพรีเมียมสตรีทฟู้ด ‘โลตัส สุขุมวิท 50’ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ในราคาที่เข้าถึงง่าย

ร้านกระทะเหล็ก ฉลองเปิดสาขาใหม่สาขา ‘โลตัส สุขุมวิท 50’ ชูจุดแข็งร้านอาหารตามสั่งพรีเมียมสตรีทฟู้ด รสชาติแบบไทยแท้ ด้วยวัตถุดิบคุณภาพ ในราคาที่เข้าถึงง่าย พร้อมเติบโตต่อเนื่องกับรูปแบบธุรกิจแฟรนด์ไซส์ร้านอาหารสูตรสำเร็จที่ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ โดยมี นายศุภฤกษ์ หอมสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจห้าดาว ในกลุ่ม บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมแสดงความยินดีกับ นายอนุสรณ์ มุทราอิศ เจ้าของร้านกระทะเหล็ก

สำหรับ กระทะเหล็ก สาขา โลตัส สุขุมวิท 50 ออกแบบร้านให้ทันสมัย สามารถนั่งรับประทานภายในบรรยากาศสบายๆ โดดเด่นด้วยรสชาติสูตรต้นตำรับไทยแท้ อร่อยจัดจ้านทุกจาน วัตถุดิบที่นำมาปรุง คัดสรรความสดใหม่ทุกจาน สะอาด คุ้มค่า มีให้เลือกหลากหลายมากกว่า 30 เมนู รับประทานทุกวันแบบไม่มีเบื่อ ในราคาอาหารตามสั่งที่เข้าถึงได้ ซึ่งทุกเมนูจานหลักจะเสิร์ฟด้วยกระทะเหล็กซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของร้าน

ด้าน เมนูแนะนำที่พลาดไม่ได้ คือ ‘ข้าวกระเพราหมูชีวา’ หมูชีวาเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ จากแบรนด์ U FARM ที่ได้การการันตีคุณภาพมาตรฐานระดับโลก นำมาปรุงให้ได้รสชาติอร่อยจัดจ้าน อัดแน่นไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ นอกจากนี้ ยังมีเมนูตามสั่งให้เลือกอีกมากมาย เช่น ข้าวกะเพราไก่ชีวา ข้าวขาหมูเยอรมันคั่วพริกเกลือ ข้าวกะเพราไข่ข้น และเมนูใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้ามาอย่าง ข้าวผัดโบราณ ข้าวผัดต้มยำกุ้ง ข้าวไข่ข้นกุ้งผัดพริกขี้หนู เป็นต้น พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ให้อิ่มอร่อย สบายกระเป๋า อย่าง ชุดอิ่มเดี่ยว 1 : ข้าวผัดโบราณ + หมูก้อนทอดกระเทียม + ซุปสาหร่าย และน้ำใบเตย 169 บาท (ปกติ 238 บาท) ชุดอิ่มเดี่ยว 2 : ข้าวผัดต้มยำกุ้ง + หมูก้อนทอดกระเทียม + ซุปสาหร่าย และน้ำใบเตย 189 บาท (ปกติ 268 บาท) ตามมาด้วย ชุดอิ่มยกก๊วน1 : ต้มยำปลากะพงน้ำใส + หมูทอดสมุนไพร + ไข่เจียวคอนโด + ข้าวเปล่า 2 ที่ และน้ำใบเตย 2 แก้ว 419 บาท (ปกติ 527 บาท) และชุดอิ่มยกก๊วน 2 : เมนูขาหมูสองใจ + ผัดผักคะน้า + ไข่เจียวดาว + ข้าวเปล่า 2 ที่ และน้ำใบเตย 2 แก้ว 459 บาท (ปกติ 578 บาท) ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2567 ที่ร้านกระทะเหล็กทุกสาขา

ปัจจุบัน ร้านกระทะเหล็กขยายสาขาแล้ว 23 สาขา เป็นโมเดลธุรกิจที่ช่วยให้ผู้ประกอบการเริ่มต้นธุรกิจได้เร็ว คืนทุนไว มีสูตรสำเร็จที่ผู้ประกอบการสามารถเปิดร้านได้ทันที ตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ต้องการทำธุรกิจร้านอาหารแม้ไม่มีสูตรอาหาร โดยร้านกระทะเหล็กให้ครบ ทั้งการออกแบบและตกแต่งร้านให้สวย ทันสมัย มีทำเลเปิดร้านดีๆ ให้เลือก วัตถุดิบคุณภาพและสูตรอาหาร พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลและให้คำปรึกษา ควบคู่กับการทำแผนสื่อสารการตลาดทั้งหน้าร้านและออนไลน์ มอบสูตรสำเร็จในการทำธุรกิจครบทุกด้าน ไม่ต้องเริ่มใหม่จากศูนย์ จึงทำให้ร้านกระทะเหล็กได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการเป็นอย่างดี

ผู้ที่สนใจเปิดแฟรนไชส์ ‘ร้านกระทะเหล็ก’ สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ : https://www.fivestars-ironpan.com/ พร้อมติดตามโปรโมชั่นดีๆ และข่าวสารเพิ่มเติม ได้ที่ : Facebook Page: กระทะเหล็ก Iron Pan .

เอไอเอส ร่วมกับ เขตพญาไท และพฤกษา โฮลดิ้ง ถวายความจงรักภักดี ผ่านกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า “เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 เอไอเอส จึงร่วมมือกับ สำนักงานเขตพญาไท และบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) พร้อมเครือข่ายพันธมิตร ร่วมถวายความจงรักภักดี ผ่านการจัด กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ด้วยแนวคิด “AIS Digital for Thais ยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยดิจิทัล เฉลิมพระเกียรติฯ” โดยประกอบไปด้วย 3 กิจกรรมในงาน คือ

พิธีเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อถวายพระพรชัยมงคล และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
กิจกรรมบริจาคโลหิต ที่ร่วมกับสภากาชาดไทย เชิญชวนพนักงานเอไอเอส ประชาชน และเครือข่ายพันธมิตรของเขตพญาไท ร่วมบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

กิจกรรมทิ้ง “E-Waste เท่ากับปลูก ร่วมสร้างพื้นที่สีเขียว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ” โดยมี ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานมอบต้นกล้าไม้ให้แก่ 46 องค์กรพันธมิตรที่เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวในหลากหลายพื้นที่

โดยกิจกรรมที่ 3 นี้ เป็นการส่งเสริมให้เกิดการตระหนักรู้และร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งในส่วนของเอไอเอสเองนั้น ที่ผ่านมาได้เชิญชวนให้คนไทยเห็นความจำเป็นในการแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Waste ผ่านโครงการ “คนไทยไร้ E-Waste” ที่ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ สู่การเป็นศูนย์กลางการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานสากล แบบ Zero E-Waste to Landfill ดังนั้น จึงขอถือโอกาสมหามงคลนี้ส่งต่อเครือข่ายสีเขียวสู่ชุมชนผ่าน กิจกรรมทิ้ง E-Waste เท่ากับปลูก ร่วมสร้างพื้นที่สีเขียว เข้ากับโครงการปลูกต้นไม้ล้านต้น จากนโยบายของท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งเอไอเอส ได้เข้าร่วมปลูกต้นไม้ 100,000 ต้น ตั้งแต่ปี 2565 ถึงปี 2567 โดยในงานนี้จะมอบต้นกล้าไม้กลับไปให้เครือข่ายพันธมิตร นำไปขยายพื้นที่สีเขียวในชุมชนของแต่ละองค์กรต่อไป”

นายสมชัย กล่าวในตอนท้ายว่า “ในฐานะพสกนิกรชาวไทย พวกเรารู้สึกปลาบปลื้มและภาคภูมิใจในการได้ร่วมถวายความจงรักภักดีเนื่องในโอกาสมหามงคลในปีนี้ ผ่านพลังความแข็งแกร่งของเครือข่ายพันธมิตรที่จะสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมคุณประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศชาติต่อไป”

สตาร์ทอัพไทยยืนยัน “ESG” คือกลยุทธ์แห่งองค์กรเติบโตยั่งยืน หลังผ่าน โครงการ “ESG to Capital for Tech Entrepreneurs” หลักสูตรหนึ่งเดียวในไทยจาก AIS The StartUp

ดร.ศรีหทัย พราหมณี ผู้จัดการด้าน AIS The StartUp เปิดเผยว่า “กว่า 3 เดือน ของหลักสูตร “ESG to Capital for Tech Entrepreneurs” ซึ่งเป็นหลักสูตรแรกและหลักสูตรเดียวในไทยที่ถูกออกแบบเพื่อ Tech Start Up โดยเฉพาะ พบว่าผู้ประกอบการสตาร์ทอัพกว่า 91 คน จาก 38 บริษัท จากหลากหลายกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น Waste Management and Energy Saving, Service and On-demand Economy, Digital Contents and Media Partner, Enterprise Solutions, HR and Freelance Solutions และ Travel Tech & MICE ต่างสะท้อนว่าหลักสูตรดังกล่าวเป็นองค์ความรู้ที่จำเป็นอย่างมากในการนำพาองค์กรให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน และที่สำคัญคือนำไปใช้ได้จริง และเสริมมุมมองโดยเฉพาะด้านธรรมาภิบาล หรือ Governance ได้อย่างตอบโจทย์ ทั้งนี้ผู้ประกอบการหรือสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการได้มีการเริ่มนำความรู้ที่ได้ไปบูรณาการกับแผนงานด้านกลยุทธ์องค์กร เพื่อการเติบโตของธุรกิจแบบระยะยาว รวมไปถึงยังนำไปปรับปรุงการประเมินความเสี่ยง ESG ในการดำเนินงานองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย”

ดร.ศรีหทัย พราหมณี

โครงการ “ESG to Capital for Tech Entrepreneurs” ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานพันธมิตรจากองค์กรต่างๆ เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และสมาคมสตาร์ทอัพไทยที่มาร่วมแบ่งปันความรู้และแนวทางในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยกิจกรรมในโครงการนี้ประกอบด้วย Coursework เพื่อปูพื้นฐานความเข้าใจที่ถูกต้องในหลักการ ESG, ESG Clinic เพื่อเจาะลึกเฉพาะถึงแนวทางในการดำเนินธุรกิจของแต่ละบริษัท และ Showcase ที่แสดงให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยีมาช่วยดำเนินการให้สอดคล้องกับหลักการ ESG เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง

“เราเชื่อมั่นว่า ESG จะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้สตาร์ทอัพนำไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนธุรกิจเพื่อให้สามารถเผชิญกับความท้าทายในโลกปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ อีกทั้งสามารถสร้างความแตกต่างที่มีคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมในเวลาเดียวกัน เพราะสร้างสมดุลกับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วนได้อย่างเหมาะสม ซึ่งในนามของ AIS The StartUp เรายืนยันจะเดินหน้าสนับสนุนและร่วมมือกับสตาร์ทอัพไทยอย่างต่อเนื่องทั้งองค์ความรู้และเทคโนโลยี เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและสร้างประโยชน์แก่ประเทศในท้ายที่สุด” ดร.ศรีหทัย กล่าวทิ้งท้าย