Home Blog Page 55

เลื่อนวันออกรางวัลสลากงวด 1 เม.ย. เป็นวันที่ 16 พ.ค. 2563

นายพชร อนันตศิลป์ ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวถึงการออกรางวัลของสลากงวด 1 เมษายน 2563 ว่า ตามที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงวันออกรางวัลของสลาดงวดดังกล่าว เป็นวันที่ 2 พฤษภาคม 2563 นั้น โดยที่ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่กำหนดความเข้มข้น ในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงมาตรการของแต่ละจังหวัดที่การคัดกรองความเคลื่อนไหวของประชากร อย่างเข้มงวด และจากการสำรวจตรวจสอบ ปริมาณสลากยังเหลืออยู่ในระบบค่อนข้างมาก ดังนั้น หากมีการออกรางวัลในวันที่ 2 พฤษภาคม 2563 จะทำให้เกิดกระบวนการเร่งในการซื้อขายสลาก เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของการติดเชื้อ คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้พิจารณาภายใต้ความห่วงใยในเรื่องของการแพร่กระจายของเชื้อโรค และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนผู้ซื้อสลากและผู้ขาย จึงมีมติให้เปลี่ยนแปลงการออกรางวัลของสลากงวดวันที่ 1 เมษายน 2563 จากวันที่ 2 พฤษภาคม 2563 เป็นวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 14.30 – 16.00 น. ณ ห้องออกรางวัลสลาก สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และจะไม่มีการจำหน่ายสลากงวดวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 อีกหนึ่งงวด

พชร อนันตศิลป์ ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล

ประธานกรรมการสลากฯ กล่าวต่อไปอีกว่า ในส่วนของการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์นั้น คณะกรรมการฯ ได้มอบหมายให้สำนักงานฯ ไปศึกษาเพิ่มเติมให้รอบคอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านกฎหมาย และผลกระทบต่อประชาชน ผู้ซื้อ ผู้ค้าเดิม ในทุกมิติ ก่อนจะนำเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณาต่อไป

CPF ชวนโหลดสติ๊กเกอร์ไลน์ สมทบทุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์

นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทขอเชิญชวนคนไทยใจบุญร่วมโหลดสติ๊กเกอร์ไลน์ ชุด “CPxหมาจ๋าสู้โควิด-19” เพื่อสมทบทุนซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆให้แก่โรงพยาบาล ทั้งนี้เป็นอีกกิจกรรมของซีพีเอฟที่ดำเนินการ ต่อจากการช่วยเหลือสังคมผ่านการมอบอาหารในโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจร่วมต้านภัยโควิด19”

“ซีพีเอฟยังคงให้การสนับสนุนการร่วมต้านภัยโควิด19 อย่างต่อเนื่องและครั้งนี้อยากเชิญชวนทุกท่านที่ใช้แอปพลิเคชันไลน์กันเป็นประจำอยู่แล้ว ช่วยกันร่วมส่งกำลังใจถึงแพทย์-พยาบาล ด้วยการโหลดสติ๊กเกอร์ไลน์ชุด “CPxหมาจ๋าสู้โควิด-19” ในราคาเพียง 30.- บาทเท่านั้น” นางสาวอนรรฆวีกล่าว

โดยทุกๆ 30.- บาท จากการโหลดสติ๊กเกอร์ “CPxหมาจ๋าสู้โควิด-19” ซีพีเอฟและ ณัฐวีร์ ลิมปนิลชาติ เจ้าของภาพวาดสติ๊กเกอร์“หมาจ๋า” จะนำไปบริจาคให้โรงพยาบาลเพื่อสนับสนุนการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ สำหรับผู้สนใจสามารถทำการโหลดได้ทันทีจาก Link นี้

https://line.me/S/sticker/11320373

กรมสุขภาพจิต เผยผลสำรวจความสุขของครอบครัวไทยช่วงโควิด-19 ส่วนใหญ่สอบผ่าน ยังเป็นสุขและมีความหวัง

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า กรมสุขภาพจิตมีความห่วงใยครอบครัวไทยที่ต้องอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน อาจเกิดความเครียดจากการปรับตัวและส่งผลกระทบต่อสมาชิกในครอบครัวด้วยกันเอง จึงทำการสำรวจความสุขของครอบครัวไทยในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการวางแผนสร้างภูมิคุ้มกันในครอบครัว หรือ “วัคซีนครอบครัว”

จากการสำรวจออนไลน์ กลุ่มตัวอย่าง 1,500 คน ประมาณ 2 ใน 3 อาศัยอยู่ในต่างจังหวัด ผลพบว่า ร้อยละ 90 มีความสุขมากถึงมากที่สุดที่ได้อยู่ร่วมกับครอบครัว หนึ่งในสามรู้สึกใกล้ชิดกับครอบครัวมากขึ้น ประมาณครึ่งหนึ่งรู้สึกเป็นห่วงกังวลเมื่อต้องเว้นระยะห่างระหว่างสมาชิกในครอบครัว กลุ่มตัวอย่างกว่าร้อยละ 20 มองว่าครอบครัวมีความเครียดสูงถึงสูงมาก ครอบครัวส่วนใหญ่สร้าง “วัคซีนครอบครัว” เพื่อลดความเครียดในบ้านมากกว่า 1 วิธี วิธีที่ใช้มากที่สุด คือสอบถามความสุขความทุกข์กันบ่อยๆ รองลงมาคือ  รักษากิจวัตรประจำวันในครอบครัวให้คงที่ เช่น กินนอนเป็นเวลา นอนพักผ่อนเพียงพอ ยิ่งไปกว่านั้น มากกว่าร้อยละ 97 เห็นว่าครอบครัวของตนร่วมแก้ปัญหาเป็นทีมเดียวกัน และเชื่อมั่นว่าครอบครัวจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ ซึ่งสะท้อนว่า ครอบครัวไทยส่วนใหญ่ยังรู้สึกเป็นสุขและมีความหวังแม้จะเผชิญวิกฤติในขณะนี้ 

แพทย์หญิงดุษฎี จึงศิรกุลวิทย์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวว่า ผลการสำรวจครั้งนี้สอดคล้องกับผลสำรวจความเข้มแข็งของครอบครัวโดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวที่พบว่า มากกว่าร้อยละ 88 ของครอบครัวไทย มีระดับความเข้มแข็งผ่านเกณฑ์ โดยครอบครัวไทยพึ่งพาตัวเองในด้านสุขภาพมากที่สุด (กว่าร้อยละ 98) การสร้าง “วัคซีนครอบครัว” ซึ่งเป็นวัคซีนสังคม ใช้หลักการสร้างความเข้มแข็งของครอบครัว 3 ด้าน ได้แก่ “พลังบวก” – ครอบครัวที่มองบวก มองเห็นทางออกในทุกปัญหา แม้ในภาวะวิกฤติ เมื่อเห็นทางออกแล้วครอบครัวต้องอาศัย “พลังยืดหยุ่น” เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนบทบาท ทำหน้าที่ทดแทนกัน ช่วยกันแบ่งเบาภาระที่เกิดขึ้น และนำไปสู่ “พลังร่วมมือ” ทำให้ครอบครัวปรองดอง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการฟันผ่าอุปสรรค วัคซีนครอบครัว เป็นวัคซีนสังคมที่ต้องให้กับผู้เป็นแม่หรือหัวหน้าครอบครัว เพื่อนำไปแบ่งปันสู่คนในครอบครัว เมื่อ วัคซีนครอบครัวพร้อม จะเปรียบเสมือนร่างกายที่มีภูมิคุ้มกัน ถึงแม้จะเจอวิกฤติซึ่งเปรียบเสมือนเชื้อโรค อาการก็จะไม่รุนแรง และกลับมาทำหน้าที่เดิมได้อย่างราบรื่น โดยกรมสุขภาพจิตจะทำการติดตามประเมินผลวัคซีนครอบครัวต่อไป

สมาคมธนาคารไทย มองโควิด-19 กระทบเศรษฐกิจ 1.3 ล้านล้านบาท เชื่อมือรัฐจัดการปัญหาได้

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า กรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงการคลัง และสถาบันการเงิน ออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือ SMEs และดูแลเสถียรภาพตลาดตราสารหนี้เอกชน เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติพระราชกำหนด (พรก.) ให้อำนาจ ธปท.ออกซอฟท์โลน เพื่อดูแลภาคธุรกิจ พรก.ดูแลเสถียรภาพภาคการเงิน ตลอดจน พรก.กู้เงินเพื่อการเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจ ถือว่าเป็นเรื่องที่มี ความสำคัญ และ ความจำเป็น อย่างมาก

ปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย

ผลกระทบจากสถานการณ์ครั้งนี้ ประเมินเบื้องต้นเป็นเม็ดเงินสุทธิราว 1.3 ล้านล้านบาท เท่ากับ 7.7% ของจีดีพี โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว รายได้หายไปถึง 1.1 ล้านล้านบาท ทำให้เศรษฐกิจไทยหดตัวลึกใกล้เคียงกับปี 2540 และอาจจะมากกว่านั้น ถ้าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ภายในไตรมาสที่สอง ของปีนี้ ซึ่งผลกระทบด้านตัวเลข อาจจะแย่กว่าวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540

อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างของสถานการณ์ครั้งนี้ คือ การออกมาตรการให้ความช่วยเหลือที่รวดเร็ว และ ระดับใหญ่ เพื่อยับยั้งไม่ให้เหตุการณ์ทรุดลงแรงกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งนี้ สิ่งสำคัญอันดับแรก คือ การจัดการด้านสาธารณะสุขเพื่อยับยั้งการระบาดของโรคและดูแลผู้ป่วยในวงที่กว้างขึ้น รวมถึงการดูแลเรื่องอาชีพและปากท้องของประชาชน โดยมาตรการด้านการคลังจะเข้ามาเป็นกลไกหลัก ทำให้ต้องเร่งอนุมัติ พรก.กู้เงินฯ เพิ่มเติมอีก 1 ล้านล้านบาท เพื่อดึงงบประมาณจากหน่วยงานรัฐต่าง ๆ มาเป็นทรัพยากรเพิ่มเติม หลังจากที่งบกลางเดิมจัดสรรไปหมดแล้ว

ขณะที่การดูแลเสถียรภาพของเศรษฐกิจตลาดการเงินก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะ ปัจจุบันตลาดการเงินไทยเชื่อมโยงกับต่างประเทศมากขึ้นกว่าในปี 2540 มาก ทำให้ความตื่นตระหนกทั้งจากทั้งในและต่างประเทศ สามารถฉุดให้อัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนในตลาดการเงินปรับตัวแรง กระทบกับความมั่นคงของระบบสถาบันการเงิน และสถานะทางการเงินลูกค้าธุรกิจและครัวเรือนได้ จึงควรเร่งสร้างความเชื่อมั่นของตลาดก่อนเป็นอันดับแรก

ดังนั้น มาตรการ 9 แสนล้านบาทในรอบนี้ จึงจำเป็นต้องพุ่งเป้าหมายไปที่การจัดตั้งกองทุนเพื่อดูแลตลาดตราสารหนี้เอกชนที่มีขนาดใหญ่ราว 22% ของจีดีพี ซึ่งจะช่วยทั้งตัวกิจการที่ต้องการระดมทุนไปชำระคืนหนี้เดิมและเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ รวมถึงช่วยผู้ลงทุนสถาบันและรายย่อย ซึ่งต้องยอมรับว่าในระยะหลัง ผู้ฝากเงินรายย่อยหันมาออมเงินทั้งทางตรงและทางอ้อมในตราสารหนี้มากขึ้น

นอกจากนี้ ความช่วยเหลือในครั้งนี้ ยังประกอบด้วยมาตรการช่วยภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ที่ครอบคลุมกว่า 99% ของจำนวนกิจการทั้งหมด และการจ้างงานกว่า 85% ของการจ้างงานทั้งประเทศ หรือกว่า 13 ล้านคน ผ่านการให้ซอฟท์โลนเพิ่มเติม นอกเหนือไปจากการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแบบอัตโนมัติ

เชื่อมั่นว่า การดำเนินการต่าง ๆ ทั้งด้านการเงินและการคลังของภาครัฐ จะทำให้การหดตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้อยู่ในกรอบจำกัด และไม่กลายเป็นวิกฤตที่มีขนาดใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็น ทางการไทยยังมีทรัพยากรอีกมากเพียงพอที่จะประคับประคองเศรษฐกิจให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤตครั้งนี้ไปได้แน่นอน

ซีพีเอฟ คุมเข้มผลิตอาหารมาตรฐานปลอดภัยสูงสุด สร้างภูมิคุ้มกันผู้บริโภครับมือโควิด19

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ในฐานะผู้ผลิตอาหารชั้นนำระดับโลก ที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับระบบการจัดการความปลอดภัยในอาหาร (Food Safety Management System) ตามมาตรฐานสากล Codex ซึ่งครอบคลุมข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลกและองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ เพื่อคุ้มครองสุขภาพอนามัยของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปฏิบัติตามพื้นฐานวิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร (GMP) และมาตรฐานควบคุมดูแลความปลอดภัยในทุกกระบวนการผลิตอาหาร เพื่อป้องกันอันตรายและสิ่งปนเปื้อนในอาหาร ( HACCP)

ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด19) บริษัทยังให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงานทุกระดับอย่างเคร่งครัดครอบคลุมโรงงานผลิตอาหารสัตว์ ฟาร์มปศุสัตว์ โรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูป ระบบการขนส่งและการกระจายสินค้า ภายใต้นโบบายมาตรฐานเดียว (Single Standard) โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานในสายการผลิต มีการเพิ่มมาตรการสุขอนามัยเข้มงวดโดยการเพิ่มจำนวนรถรับ-ส่ง การตรวจวัดอุณหภูมิด้วยเครื่อง Thermographic Bullet Body Camera ที่มีความอย่างแม่นยำระดับสูงสุดก่อนเข้าโรงงานและในระหว่างปฏิบัติงาน การล้างมือ สวมถุงมือและใส่หน้ากากตลอดเวลา ตลอดจนให้คำแนะนำในการปฏิบัติตนช่วงอยู่ที่บ้านกับครอบครัว ตามมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข

ทั้งนี้ บริษัทได้ผลิตวีดีโอ คลิป เพื่อแสดงให้เห็นถึงกระบวนการผลิตอาหารตามมาตรฐานสากล ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์เพื่อลดการสัมผัสมือและมาตรการป้องกันโรคตามหลักสุขอนามัยที่เข้มงวดตลอดห่วงโซ่การผลิต เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าได้รับอาหารที่ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถชมคลิปได้ที่

https://www.youtube.com/watch?v=_dnKffv-irA&feature=youtu.be

นอกจากให้ความสำคัญกับผู้บริโภคแล้ว ซีพีเอฟยังมุ่งมั่นสนับสนุนอาหารปลอดภัยให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่เสียสละปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็ง และยังขยายการส่งมอบอาหารไปยังครอบครัวแพทย์และพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐที่มีผู้ป่วยโควิด19 เพื่อให้คลายกังวลและช่วยแบ่งเบาความรับผิดชอบ

คีรี ทุ่ม 60 ล. นำกลุ่มบีทีเอส ทำประกันชีวิตให้บุคลากรแพทย์ทั่วประเทศ สู้ภัยโควิด-19

กลุ่มบริษัทบีทีเอส สนับสนุนโครงการ “นักรบเสื้อขาวสู้ภัย COVID-19” มอบเงิน 60 ล้านบาท ทำประกันชีวิตให้แพทย๋ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ

คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทบีทีเอส เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดมาโดยตลอด เห็นว่า คณะแพทย์ พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศที่ประจำอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ ถือเป็นบุคคลที่มีความสำคัญที่สุดในการต่อสู้กับโรคร้ายชนิดนี้ ดังนั้น จึงต้องได้รับการดูแลทั้งด้านความปลอดภัย สร้างขวัญกำลังใจ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความมั่นใจทั้งตัวเขาเองและครอบครัว

ตนทราบข้อมูลจากทางแพทยสมาคมฯ และแพทยสภา ว่า ขณะนี้กำลังจัดทำโครงการ “นักรบเสื้อขาวสู้ภัย COVID-19” เพื่อหาเงินช่วยเหลือและดูแล โดยมุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือในเรื่องการจัดทำกรมธรรม์ประกันชีวิตให้กับแพทย์ และพยาบาลที่ได้ลงทะเบียนไว้กับแพทยสมาคมและสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย จำนวน 280,000 คน ใช้เงินจำนวน 50 ล้านบาท คุ้มครองแพทย์และพยาบาลทั้งหมดในระยะเวลา 1 ปี แม้ว่าที่ผ่านมาได้มีหน่วยงานและองค์กรต่างๆ มีการจัดทำประกันชีวิตให้บุคลากรทางการแพทย์แล้วไม่น้อยก็ตาม แต่เท่าที่ทราบข้อมูลจากทางแพทยสมาคมฯ และแพทยสภา ว่าอาจจะยังไม่ครอบคลุมครบถ้วน ดังนั้นการร่วมมือกับ แพทยสมาคม ฯ ในครั้งนี้จึงได้พยายามจัดทำประกันชีวิตให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมครบถ้วน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับบุคลากรเหล่านี้

ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ความจริงยังมีบุคลากรทางการแพทย์อีกกลุ่มหนึ่งที่ร่วมในการต่อสู้กับโรคร้ายในครั้งนี้ และมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับแพทย์พยาบาลเช่นกัน ในส่วนนี้เมื่อทางแพทยสมาคมฯ จะเข้าไปช่วยเหลือดูแลแล้ว น่าจะต้องเข้าไปดูแลและสร้างความมั่นใจในการทำงานให้กับเจ้าหน้าที่กลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น ผู้ช่วยพยาบาล ( หลักสูตร 1 ปี) นักรังสีเทคนิค เทคนิคการแพทย์ ประมาณ 100,000 คน ขอให้แพทยสมาคมฯ ประสานงานกับโรงพยาบาลหรือองค์กรต่าง ๆ เพื่อขอข้อมูลกลุ่มคนเหล่านี้มาด้วย และจัดทำประกันชีวิตให้พวกเขาเหล่านี้ด้วยอีกฉบับหนึ่ง โดยกลุ่มนี้ความเสี่ยงและจำนวนผู้เอาประกันน่าจะน้อยกว่ากลุ่มแรก แต่อยากให้ทำด้วย โดยผมจะสนับสนุนเงินในส่วนนี้ให้อีก 10 ล้านบาท”

“ผมในนามคนไทยคนหนึ่ง ขอส่งกำลังใจให้กับคุณหมอ พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศกว่า 3 แสนคน
ที่ได้เสียสละตนเอง ทำงานกันอย่างหนักมากในช่วงเวลานี้ โดยการดูแลรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 สิ่งที่ผมทำในวันนี้ เพียงเพื่อต้องการให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านทราบว่า พี่น้องประชาชนคนไทยอีกมากมายที่พร้อมสนับสนุนการทำงานของพวกท่าน และขอบคุณจากหัวใจ สำหรับการทำงานของทุกๆ ท่าน ที่ยากลำบากขึ้นกว่าเดิม กับภารกิจอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ เราจะก้าวผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยกันครับ” นายคีรีกล่าว

นายกฯ แถลง 4 ข้องดปฏิบัติเทศกาลสงกรานต์ปี 63 ลดเสี่ยงโควิด-19

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทวงกลาโหม แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ (ทรท.) โดยกล่าวถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่าสัปดาห์หน้าเป็นช่วงประเพณีสงกรานต์แล้ว ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ประกาศเลื่อนวันหยุดสงกรานต์ และให้ทำงานตามปกติ แล้วจะชดเชยภายหลัง แต่ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19

จึงมีแนวทางการปฏิบัติที่สำคัญดังนี้

1.งดเว้นการจัดงานสงกรานต์ในทุกระดับ

2. งดเว้นการเดินทางกลับภูมิลำเนา

3. งดเว้นการรดน้ำขอพรญาติผู้ใหญ่ทุกกรณี

4. งดการเข้าร่วมกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันของคนหมู่มาก หรือเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโดยเด็ดขาด

เพื่อสืบสานประเพณีอันดีงาน และมีคุณค่าทางจิตใจ จึงขอให้ปฏิบัติ ดังนี้
1. สรงน้ำพระพุทธรูปที่บ้าน
2. การแสดงความกตัญญู ขอพรต่อพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ ที่อยู่ในบ้านเดียวกัน โดยเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล 1 – 2 เมตร และให้ทุกคนใส่หน้ากากอนามัยด้วย
3.ส่งเสริมให้แสดงความรักและความกตัญญู ต่อบุพพการี – ผู้มีพระคุณ ที่อยู่ไกลกัน ผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือสื่อออนไลน์ และในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ไทย ที่จะมาถึงในเร็ววันนี้

“ผมในนามของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ขออวยพรให้พี่น้องประชาชนทุกคนมีความสุข สุขภาพแข็งแรง มีกำลังใจร่วมต่อสู้วิกฤตินี้ไปด้วยกัน และขอให้สงกรานต์นี้ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อครอบครัว กันให้มากที่สุด เราจะร่วมกันฝ่าฟันวิกฤตในครั้งนี้ให้จงได้ ประเทศไทยจะต้องชนะ อย่างแน่นอน” นายกฯ กล่าว

การบินไทยต่ออายุไมล์สะสมรอยัล ออร์คิด พลัส ถึงสิ้นปี 2563

การบินไทย ขยายอายุไมล์สะสมที่หมดอายุในวันที่ 31 มีนาคม 2563 และที่กำลังจะหมดอายุในวันที่ 30 มิถุนายน 2563 และวันที่ 30 กันยายน 2563 เป็นกรณีพิเศษ โดยสามารถเก็บไมล์สะสมดังกล่าวไว้สำหรับแลกรางวัลจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563

เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกที่สะสมไมล์ รอยัล ออร์คิด พลัส ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ทำให้ต้องเลื่อนแผนการเดินทางออกไป และทำให้มีระยะเวลาการใช้ไมล์สะสมเพื่อแลกรางวัลต่างๆ ของรอยัล ออร์คิด พลัส ลดน้อยลง

และเพื่อเป็นการขอบคุณและตอบแทนสมาชิกที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอดให้ได้รับสิทธิประโยชน์อย่างต่อเนื่อง

CPF ร่วมปฏิญญาความปลอดภัยในการจัดส่งอาหาร

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค มอบปฏิญญาความร่วมมือในการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยการให้บริการจัดส่งอาหาร แก่ ซีพีเอฟ โดยมี นางณัฐฐินี ชวนะนิกุล รองกรรมการผู้จัดการ ด้านโลจิสติกส์ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้แทนร้านซีพี เฟรชมาร์ท เป็นผู้รับมอบ

ปฏิญญาดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนอยู่กับบ้าน และคำนึงถึงความสะอาดปลอดภัยในการส่งสินค้าโดยเฉพาะอาหาร ว่าจะต้องไม่นำเชื้อมาส่งถึงบ้าน หรือไม่นำเชื้อไปติดยังร้านค้า

ทั้งนี้ ร้านซีพี เฟรชมาร์ท ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภคและพนักงาน จึงวางกฏข้อบังคับให้พนักงาน CP Freshmart Delivery จัดส่งอาหาร โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันความเสี่ยงติดเชื้อโควิด19 อย่างเคร่งครัดตามปฏิญญา เช่น ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายพนักงานทุกวัน พนักงานจัดส่งอาหารต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรคก่อนส่งมอบอาหารให้ผู้บริโภค เว้นระยะห่างในการส่งสินค้าแก่ผู้รับบริการ ส่งเสริมการชำระค่าบริการทางดิจิตอล ผู้บริโภคจึงใช้บริการจัดส่งสินค้าได้อย่างมั่นใจ

ซีพีเอฟ ทุ่มอีก 200 ล้านบาท ส่งอาหารปลอดภัย ดูแลครอบครัวหมอ พยาบาล หลังเดินหน้าส่งให้รพ.ทั่วประเทศ

ประกาศเดินหน้าโครงการ 2 “ซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจให้โรงพยาบาลและครอบครัวหมอ-พยาบาล“

ซีพีเอฟ ประกาศเดินหน้าโครงการสอง “ซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจให้โรงพยาบาลและครอบครัวหมอ-พยาบาล“ เพื่อส่งต่อความห่วงใยไปยังครอบครัวของบุคลากรที่เสียสละปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ย่อท้อ โดยเปิดตัวโครงการนี้ที่กระทรวงสาธารณสุข มี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน พร้อมด้วย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงฯ ร่วมด้วยนายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และ ประธานกรรมการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ นายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น และนายสุวิทย์ กิ่งแก้ว ที่ปรึกษาประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพีออลล์

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟภูมิใจที่ได้มีส่วนในการสนับสนุนรัฐบาล เพื่อเดินหน้าต่อสู้วิกฤตโรคระบาด ภายใต้โครงการ “ซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิค19” เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 โดยการส่งมอบอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและปลอดภัย เพื่อดูแลสุขภาพของแพทย์ พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐที่มีผู้ป่วยโควิด19 ทั่วประเทศ จำนวน 88 แห่ง และส่งอาหารให้ผู้เฝ้าระวังตนที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน อีกกว่า 20,000 คน ขณะนี้รัฐบาลมีมาตรการเข้มงวดในการคัดกรองเพื่อชะลอผู้เดินทางเข้าประเทศไทย ทำให้ผู้รับบริการส่วนนี้ลดลงมาก บริษัทจึงขอยุติการส่งมอบอาหารในกลุ่มนี้ เพื่อร่วมดูแลการส่งมอบอาหารให้กับโรงพยาบาลของรัฐต่อไปอย่างเต็มที่

ซีพีเอฟ จะขยายการสนับสนุนอาหารให้ครอบคลุมไปยังครอบครัวของแพทย์และพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐที่ดูแลผู้ป่วยโควิด ภายใต้โครงการ “ซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจให้โรงพยาบาลและครอบครัวหมอ-พยาบาล” เพื่อให้คนในครอบครัวได้รับอาหารที่ดีมีคุณค่าทางโภชนาการ สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มที่ โดยแพทย์และพยาบาลสามารถลงทะเบียนและติดตามเงื่อนไขได้ที่ไลน์ ซีพี เฟรชมาร์ท http://bit.ly/2PFFcyB หรือ สายด่วนฮอตไลน์ โทร.1788 คาดว่าจะใช้งบประมาณในการดำเนินงานโครงการทั้งหมดประมาณ 200 ล้านบาท

และ พร้อมเป็นตัวกลางให้กับผู้ที่ประสงค์จะบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือสิ่งของจำเป็นอื่นๆ ไปยังโรงพยาบาลต่างๆ โดยใช้เครือข่ายการกระจายสินค้า (Logistic Network) ของซีพีเอฟ ผู้ประสงค์จะบริจาคสามารถแจ้งความจำนงได้ที่ โทร. 083-989-0010

ด้านนายสุภกิต เจียรวนนท์ กล่าวย้ำว่า เครือซีพี ยังคงมุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือในทุกด้านให้มากกว่านี้ และขอเป็นกำลังใจให้แพทย์และพยาบาลทั่วประเทศที่เสียสละ

นพ.สุขุม ปลัดกระทรวงฯ กล่าวว่า การที่แพทย์ได้รับความช่วยเหลือจาก ซีพี ทำให้มีกำลังใจ และมั่นใจว่าความร่วมมือกันจะทำให้ประเทศไทยพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ได้ และยังแสดงให้เห็นถึงน้ำใจคนไทย