Home Blog Page 53

แอลกอฮอล์ทางการแพทย์ กับ แก๊สโซฮอล์ แอลกอฮอล์เหมือนกัน แต่คุณสมบัติไม่เหมือนกัน

ความแตกต่าง ระหว่าง แอลกอฮอล์ที่ผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง และ แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ อย่างที่ทราบกันนั้น มีคุณสมบัติ สารประกอบ และการนำไปใช้ประโยชน์แตกต่างกัน ไม่สามารถนำมาใช้แทนกันได้ รวมไปถึงต้นทุนในการผลิตไม่เท่ากันด้วย สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ ดังนี้

สำหรับแอลกอฮอล์ที่นำไปใช้สำหรับล้างมือป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 จะมีความเข้มข้น 70-90% โดยปริมาตร มีน้ำเป็นส่วนผสม 10-30% แล้วแต่สูตร เพื่อให้เจือจางไม่ระคายผิว และมีระยะเวลาการระเหยที่ไม่เร็วเกินไป มีประสิทธิภาพ ในการฆ่าเชื้อโรค โดยต้องผ่านกระบวนการกลั่นหลายขั้นตอนเพื่อดึงเอาสิ่งที่ปนเปื้อนอยู่ออก เพื่อให้ได้ค่าความบริสุทธิ์ ที่สูงเพียงพอสำหรับมาตรฐานที่ใช้สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร ที่เรียกว่า Food Grade หรือ สำหรับอุตสาหกรรมยา Pharmaceutical Grade เรียกง่ายๆ ว่าเป็นแอลกอฮอล์เกรดดี จึงมีต้นทุนการผลิตสูงกว่าเกรดที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงมาก

ส่วนแอลกอฮอล์ที่ผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง นั้น จะมีความเข้มข้นมากถึง 99.5% คือมีน้ำเป็นส่วนประกอบเพียง 0.5% เพราะหากมากกว่านี้ อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ แต่ความบริสุทธิ์มีไม่มากเท่ากับแอลกอฮอล์ที่ใช้ทำความสะอาดมือเรียกว่าบริสุทธิ์น้อยกว่ามาก เพราะเป็นเกรดเชื้อเพลิง ไม่ใช่ Food Grade หรือ Pharmaceutical Grade จึงอาจยังมีสารปนเปื้อน สารตกค้าง โลหะ หรือ สารพิษเจือปน ซึ่งอาจเป็นอันตราย หรือ เกิดการระคายเคืองหากนำมาใช้กับคน

ซึ่งจะเห็นได้แล้วว่าแอลกอฮอล์ทั้ง 2 ชนิด มีความแตกต่าง ทั้งกระบวนการผลิต คุณสมบัติที่เหมาะสม และวัตถุประสงค์การนำไปใช้จึงไม่สามารถนำมาใช้แทนกันได้

ที่มา กระทรวงพลังงาน

ออมสิน ขยายเวลาพักหนี้เป็น 6 เดือน ช่วยลูกค้าฝ่าวิกฤตโควิด-19

ธนาคารออมสิน ขยายเวลาพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยอัตโนมัติเพิ่มจาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน เริ่ม 1 เม.ย.-30 ก.ย.63 ช่วยลูกค้าเผชิญภัยไวรัสโควิด-19

ลูกค้าสินเชื่อบุคคล สินเชื่อเคหะ และสินเชื่อผู้ประกอบการSMEs สถานะปกติจนถึงค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน ณ 31 มีนาคม 2563

ไม่ต้องลงทะเบียน หากไม่ต้องการเข้าร่วมสามารถชำระได้ตามปกติ

ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า เดิมธนาคารออมสิน จะช่วยลูกค้าเงินกู้เคหะที่มียอดเงินต้นคงเหลือไม่เกิน 3 ล้านบาท แต่เห็นว่าลูกค้าเดือดร้อนเหมือนกัน จึงพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการได้ทั้งหมด

แต่ถ้าลูกค้าไม่ต้องการพักชำระก็สามารถแจ้งกับธนาคารได้ หรือต้องการชำระเป็นบางเดือนที่ลูกค้าคิดว่าสามารถจ่ายได้ โดยธนาคารฯ ผ่อนปรนให้ถือว่าเป็นสถานะลูกค้าปกติ ไม่คิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระ

ส่วนลูกหนี้ที่ถูกฟ้องอยู่ในสถานะหลังจากมีการพิพากษาแล้วจะได้รับการช่วยเหลือด้วย แต่จะพิจารณาเป็นกรณีเฉพาะราย

สำหรับดอกเบี้ยของเงินงวดในช่วงพักชำระหนี้ 6 เดือนให้ชำระในงวดสุดท้ายของสัญญา หรือเลือกเฉลี่ยจ่ายหลังพ้นจากช่วงพักชำระไปแล้วก็ได้

ทั้งนี้ หลังจากครบกำหนดระยะเวลาการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแล้ว ให้ลูกค้าชำระงวดค้างเดิมก่อนเข้ามาตรการ (ถ้ามี) แล้วจึงผ่อนชำระเงินงวดในเงื่อนไขเดิมตามสัญญาปกติหรือสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ก่อนหน้าเข้ามาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือนข้างต้นนี้

หากไม่สามารถชำระได้ ให้เข้าร่วมมาตรการพักชำระเงินต้นได้อีก 2 ปีที่ธนาคารได้ประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้ได้ ซึ่งเป็นมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผล กระทบจากสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

ครม.อนุมัติขยายจำนวนผู้เข้าโครงการเยียวยา 5000 บาท จาก 9 ล้านคนเป็น 14 ล้านคน วงเงินเพิ่มเป็น 2.1 แสนล้านบาท

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (21 เม.ย.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ขยายจำนวนผู้รับเงินชดเชยเยียวยาจากรัฐบาลเนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 จาก 9 ล้านคน เป็น 14 ล้านคน เนื่องจากจำนวนของผู้ที่ได้รับผลกระทบที่มาลงทะเบียนมีเป็นจำนวนมาก และเมื่อตรวจสอบสิทธิ์ตามที่ได้มีการอุทรณ์เข้ามาพบว่ามีจำนวนที่เพิ่มกว่าเป้าหมายเดิมอย่างมาก

กระทรวงการคลังจึงขอขยายจำนวนคนที่เข้าโครงการซึ่งจะได้รับเงินจากภาครัฐ เดือนละ 5000 บาทเป็นระยะเวลา 3 เดือน ทำให้ต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นจาก 1.35 แสนล้านบาท เป็น 2.1 แสนล้านบาท ซึ่งจะใช้จ่ายงบประมาณจากเงินกู้ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินวงเงิน 1 ล้านล้านบาท รวมทั้งจากการโอนงบประมาณปี 2563 

รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

สาธารณสุข ร่าง 5 ข้อเสนอแนวทางผ่อนปรน ม.ควบคุม โควิด-19

ทยอยเริ่มต้นจากกลุ่มจังหวัดที่ไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อในพื้นที่ในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา

กระทรวงสาธารณสุข ระดมผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ คณบดีจากคณะแพทย์ จัดทำร่างข้อเสนอแนวทางผ่อนปรนมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ด้านสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชน และผู้ประกอบการ สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติและมีความปลอดภัยในการใช้ชีวิต โดยเตรียมเสนอต่อศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) พิจารณา โดยมีเงื่อนไขสำคัญ 5 แนวทาง คือ

1. หน่วยงานด้านสาธารณสุข ต้องเพิ่มความเข้มข้นมาตรการตรวจคัดกรองคนติดเชื้อในประเทศเข้มงวดกับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ มีการกักเฝ้าสังเกตอาการ 14 วันในสถานที่ที่กำหนด การค้นหาผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงเพิ่มเติม เช่น ในชุมชนแออัด

2. คนไทยทุกคน ทุกชุมชน ทุกสังคม ต้องร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการสุขลักษณะ ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่อออกจากบ้าน การมีระยะห่างทางกาย งดการชุมนุม กลุ่มเสี่ยงยังควรหลีกเลี่ยงการออกจากบ้าน

3. ภาคธุรกิจ ต้องประเมินความเสี่ยง และปรับการดำเนินการให้มีความเสี่ยงต่ำ เช่น มาตรการตรวจวัดไข้ เว้นระยะห่างทางกาย การทำความสะอาดมือ การลดจำนวนผู้คนที่มาติดต่อใช้บริการ

4. ปิดบริการหรือกิจการที่มีความเสี่ยงสูง เป็นแหล่งแพร่ระบาดได้แก่ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานบริการทางเพศทั้งตรงและแฝง สนามการพนัน ต้องปิดในระยะยาว สำหรับการปิดกิจการในอนาคต ควรใช้วิธีปิดแบบจำเพาะที่เป็นปัญหา และคงความเข้มข้นของการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด

5. เฝ้าระวังตรวจจับและคาดการณ์ความรวดเร็วของการแพร่ระบาดในระดับพื้นที่และระดับประเทศ เป็นการเตือน และเพิ่มหรือผ่อนคลายมาตรการตามแต่ละจังหวัด และมีการเฝ้าระวังโดยภาคประชาชน อสม.

หากสามารถดำเนินการได้ทั้ง 5 แนวทาง จะผ่อนปรนให้กลับมาดำเนินการได้ โดยใช้ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขดูจังหวัดที่มีการติดเชื้อต่ำเริ่มจากกลุ่มจังหวัดที่ไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อในพื้นที่ในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา (ประมาณ 32 จังหวัด) สามารถเริ่มได้ในต้นเดือนพฤษภาคม หรืออาจนำร่องทดลองปลายเดือนเมษายน

ระยะต่อไปจะเริ่มในกลุ่มที่สอง คือ จังหวัดที่พบผู้ป่วยติดเชื้อในพื้นที่แบบประปราย (ประมาณ 38 จังหวัด) ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม

สำหรับกลุ่มที่สาม คือ จังหวัดที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง (ประมาณ 7 จังหวัด) หากสามารถลดการระบาดและไม่มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ สามารถผ่อนปรนเปิดได้ต้นเดือนมิถุนายน นี้

รัฐบาลจัดให้ จับมือเอกชน โทรมือถือฟรีทุกค่าย 100 นาที กดรับสิทธิ 1 – 15 พ.ค.นี้

รัฐบาลร่วมกับ กสทช.สนับสนุนมาตรการโทรฟรี 100 นาที รองรับ “Work – Learn” from Home ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ซึ่งผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 5 ราย ได้แก่ เอไอเอส ทรู ดีแทค ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคม (แคท) จะให้สิทธิ์ โทร.ฟรี 100 นาที ทุกเครือข่าย 45 วัน
.

ลงทะเบียนรับสิทธิ์โทรฟรี โดยประชาชนสามารถกดรับสิทธิ์ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 15 พ.ค. 63 ด้วยการ กด * 170 * ตามด้วยหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลักที่ใช้ลงทะเบียนซิม จากนั้น กด # แล้วกดโทรออก เมื่อได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์แล้วจะสามารถใช้งานได้ 45 วัน

นอกจากนี้ ผู้ได้รับสิทธิ์จะต้องลงทะเบียนซิมในนามของบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย เท่านั้น 1 สิทธิ์ ต่อ 1 ค่าย โดยได้รับทุกค่าย เช่น ถ้ามีมือถือทั้ง 3 ค่าย ๆ ละเบอร์ จะได้รับสิทธิ์ทั้ง 3 เบอร์ เป็นต้น

หมอเสริฐ แชมป์เศรษฐีอันดับ 11 ตอบรับจม.นายกฯ ทุ่มงบ 100 ล้านบาท เสนอขุดน้ำบาดาลที่จ.สุโขทัย

เตรียมรับมือปัญหาขาดแคลนน้ำใช้จากภัยแล้ง หลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ให้รัฐบาลส่งตัวแทนจังหวัดมาพูดคุย

นายแพทย์ ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ อดีตประธานคณะผู้บริหาร และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ประธานกรรม การบริหาร และกรรมการบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด เจ้าของสายการบิน บางกอก แอร์เวย์ส และผู้ถือหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ในเครือ กรุงเทพดุสิตเวชการ ที่นิตยสาร ฟอร์บส์จัดอันดับเป็นมหาเศรษฐีคนไทย อันดับ 11 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 84,900 ล้านบาท กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งจดหมายถึง 20 มหาเศรษฐีไทย ว่า มาตรการเยียวยา และการดูแลผลกระทบของประชาชนของรัฐบาล ออกมาค่อนข้างมาก และได้ผลดีในระดับหน่ึงแล้ว

ตนในฐานะที่มีความพร้อมด้านการบิน และการแพทย์ ได้ให้ความช่วยเหลือแก่แพทย์สภา และกระ ทรวงสาธารณสุข ในการนำเครื่องบินไปรับส่งบุคคลากรทางการแพทย์จำนวนมากเพื่อเดินทางไปรักษาผํู้ป่วยติดเชื้อในจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะที่ภูเก็ต และช่วยให้การศึกษาแก่ผู้คนในการระมัดระวังการติดเชื้อจนประสบความสำเร็จในหลายจังหวัด

ส่วนเรื่องที่นายกรัฐมนตรีร้องขอมา คิดว่า ปัญหาที่ประเทศไทย จะต้องเผชิญต่อจากโควิด-19 คือ ปัญหาการขาดแคลนน้ำใช้ จึงอยากจะช่วยรัฐบาลในเรื่องนี้ โดยเฉพาะที่จังหวัดสุโขทัย เนื่องจากใต้ดินมีน้ำจำนวนมาก ที่สามารถนำมาใช้เพ่ือการเกษตรกรรมได้ เดิมทีสุโขทัย และ จังหวัดใกล้เคียง ใช้น้ำจากแก่งเสือเต้นซึ่งเป็นที่รวมของแม้น้ำปิง วัง ยม น่าน แต่เมื่อรัฐบาลไม่ให้ใช้แก่งเสือเต้น น้ำที่หลากมาตอนฤดูฝนก็จะไหลผ่านเมืองลงทะเลไป ไม่สามารถเก็บกักมาใช้ทำประโยช์ได้ในหน้าแล้ง เห็นได้จากตอนนี้ แม่น้ำยมสามารถเดินข้ามไปอีกฝั่งได้ เพราะน้ำแล้งแห้งขอด


ทั้งนี้ ตนอยากจะช่วยออกเงิน ให้รัฐส่งผู้แทนจังหวัดมา มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยจัดหาพื้นที่ที่มีความเหมาะสม และไม่ทำให้เจ้าของที่ดินเดิมเดือดร้อน พร้อมทหารช่าง รวมถึงอาจจะจ้างทหารที่เกษียณราชการแล้ว แแต่ยังมีกำลังวังชาอยู่ มาช่วยกันขุดบ่อน้ำเล็กๆให้ชาวบ้าน มีน้ำไว้ใช้ หากช่วยกันคนละไม้คนละมือ อาจใช้เวลาขุดบ่อน้ำให้ชาวบ้านไว้เลี้ยงปลา และทำนาปรังได้ภายในเวลาเพียง 10 วัน

โดยตั้งงบไว้ประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อขุดน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้ แต่กรณีนี้ ต้องให้รัฐบาลยินยอมที่จะให้มีการขุดน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ด้วย เมื่อแต่ละจังหวัดมีน้ำใช้เพียงพอ เกษตรกรก็สามารถจะจับปลาไปขาย และมีน้ำไว้ทำนาปรัง เชื่อว่า ปีหน้า ราคาข้าวน่าจะสูงขึ้น เพราะปีนี้น้ำแล้ง ปลูกข้าวไม่ค่อยได้

ส่วนตัวคิดว่าเป็นประโยชน์กว่าการเอาเงินไปให้รัฐบาล หรือโรงพยาบาลซึ่งก็มีคนบริจาคกันไปมากแล้ว แต่การเตรียมการหลังโควิด-19 หยุดแพร่ระบาด ยังไม่ได้มีคนคิด คิดว่าส่ิงนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ที่สำคัญ ยังสามารถขุดลอกแม่น้ำยมให้มีความลึกได้มากกว่านี้ หรือลึกลงไปราว 20 เมตรเพื่อเอาน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้ หรือ อย่างบึงบอระเพ็ด ซ่ึ่งเคยเป็นทะเลสาบใหญ่ของจังหวัดนครสวรรค์ ก็สามารถจะขุดให้ลึกลงไปได้อีกเพ่ือนำน้ำใต้ดินมาใช้ และเก็บกักน้ำไว้ในยามน้ำแล้งได้ โดยเฉพาะเม่ือถึงฤดูฝนก็ไม่ต้องปล่อยให้น้ำฝนไหลผ่านลงทะเลไปโดยเปล่าประโยชน์


สำหรับบ่อเล็กๆที่จะขุดเอาน้ำใต้ดินมาใช้นี้ หากสามารถเชื่อมต่อกันได้ในอนาคตเพ่ือให้เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ก็ยิ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรในพื้นที่

“ถ้าปีนี้ไม่ทัน อย่างน้อยปีหน้าก็จะมีน้ำไว้ให้เกษตรกรและประชาชนใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคได้ ผมคิดว่า ข้อเสนอของผมน่าจะช่วยรัฐบาลและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้มาก”

เปิดจดหมายนายกฯถึง 20 เศรษฐีไทย

ไม่ขอรับเงินบริจาค แต่ขอให้ลงมือทำโครงการช่วยเหลือประชาชน

จดหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งถึง 20 มหาเศรษฐีไทย ลงวันที่ 20 เม.ย. 2563 มีเนื้อความว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 เป็นวิกฤตการณ์ร้ายแรงของประเทศและของโลก ทำร้ายและทำลายชีวิต ความสัมพันธ์ทางสังคมและเศรษฐกิจไปพร้อมกัน อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นช่วงเวลาที่คนไทยและประเทศไทยต้องการความร่วมมืออย่างมากที่สุดจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มคนหรือองค์กรที่มีความรู้ ความสามารถมีความเข้มแข็ง จึงสื่อสารมายังท่านในฐานะเป็นผู้อาวุโสของสังคม

ผมซาบซึ้งใจที่หลายท่านได้ลงมือช่วยเหลือประชาชนไปแล้วหลายเรื่อง แต่ผมต้องการขอให้ทุกท่านทำเพิ่มเติม โดยใช้ศักยภาพของท่านมาทำให้เกิดการช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนคนไทยที่กำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ผมขอให้ท่านทำเอกสาร นำเสนอสิ่งที่ท่านพร้อมจะทำเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือพี่น้องคนไทย โดยผมไม่ขอรับเป็นเงินบริจาค แต่ผมขอให้ท่านลงมือทำโครงการที่จะออกไปช่วยเหลือประชาชนคนไทยทุกกลุ่มทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการบรรเทาความทุกข์ร้อนของประชาชนทางด้านใดก็ตาม หรือด้วยวิธีการใดก็ตามขอให้เป็นการช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

รวมทั้งสิ่งใดที่ท่านเห็นว่ารัฐบาลจะช่วยอำนวยความสะดวก ให้กับโครงการนั้นได้ขอให้ท่านโปรดส่งมาให้ผมรับทราบภายในสัปดาห์หน้า ก็จะเป็นความกรุณาอย่างยิ่ง

จึงเรียนมาเพื่อพิจารณาและขอขอบพระคุณล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วย

ลงชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

กระทรวงพลังงานเคาะม.เยียวยาค่าไฟ

“พลังงาน”ร่วม กกพ.- 3 การไฟฟ้าเยียวยาค่าไฟช่วย 2 กลุ่มครัวเรือน
ขยายกลุ่มใช้ไฟฟรี 150 หน่วย พร้อมให้ส่วนลดครัวเรือนชั้นกลาง

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานเชิญหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งในสังกัดกระทรวงพลังงาน ได้แก่ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และหน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทย ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อพิจารณามาตรการบรรเทาผลกระทบด้านค่าไฟฟ้าเพิ่มเติมโ ดยที่ประชุมสรุปมารตการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟประเภทครัวเรือนรวม 20 ล้านคน แบ่งมาตรการได้ดังนี้

ซีพีเอฟ จับมือกองทัพบก ร่วมส่งอาหารคุณภาพให้ชุมชนคลองเตย

กองทัพภาคที่ 1 และ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก โดย พลเอกกิตติเชษฐ์ ศรดิษฐพันธ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ร่วมกับ CPF โดย นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ดำเนินโครงการ “กองทัพภาคที่ 1 ร่วมกับ CPF ส่งอาหารคุณภาพจากใจ…สู่ชุมชน” บรรเทาความเดือดร้อนด้านอาหารแก่ประชาชน 8,499 ครัวเรือน ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด19 โดยมี พลตรีรังษี กิติญาณทรัพย์ ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และนายสุชัย อมรดารารัตน์ ผู้อำนวยการเขตคลองเตย ร่วมงานด้วย

มูลนิธิผู้บริโภคชี้ช่องทางร้องเรียนค่าไฟแพง

จากกรณีความเดือดร้อนของผู้ใช้ไฟฟ้าหลายบ้าน ต่างร้องเรียนปัญหาค่าไฟฟ้าเดือนที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นสูงมากกว่าเท่าตัว

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้โพสในเพจเฟสบุ๊คของมูลนิธิฯ ว่ ผู้บริโภคที่มีข้อสงสัยค่าไฟที่ขึ้นหลายเท่าตัว สามารถแจ้งให้สำนักการไฟฟ้าในพื้นที่ตรวจสอบได้ว่าเกิดจากการใช้ไฟที่มากขึ้น หรือมีความผิดพลาดตรงจุดอื่น ซึ่งอาจจะเกิดจากไฟฟ้ารั่ว หรือความผิดปกติของมิเตอร์ไฟฟ้า

ถ้าตรวจพบว่ามีข้อผิดพลาดจากตรงนี้ การไฟฟ้าจะชดเชยเงินส่วนเกินให้ อย่างไรก็ต้องพิจารณาจากประวัติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลังประกอบด้วย


คู่มือการใช้งานระบบร้องเรียน กฟภ. >
http://www.oic.go.th/…/DRAWER…/GENERAL/DATA0000/00000103.PDF

ร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ กฟน.
( กทม. นนทบุรี สมุทรปราการ)
ลิงค์เว็บไซต์ กฟน. >
https://www.mea.or.th/complaint

ก่อนหน้านี้ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็ได้โพสต์ทวิตเตอร์ส่วนตัวระบุว่า วันนี้ (20 เม.ย.) จะเชิญ กกพ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมหาแนวทางมาตรการเรื่องค่าไฟฟ้า เพิ่มเติมจากที่ได้มีหลายมาตรการออกไปแล้ว โดยเรื่องนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจ

ทั้งนี้ ปรากฏว่า ในโลกออนไลน์ ประชาชนส่วนใหญ่ต่างร้องเรียนว่าค่าไฟเดือนนี้แพงมาก โดยบางรายปรับเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว