Home Blog Page 2

LiVE Platform จัดงาน “SME ต้องรอด 2025” มุ่งปลดล็อกศักยภาพธุรกิจไทย ชี้กลยุทธ์พลิกเกมสร้างโอกาสเติบโตยั่งยืน

LiVE Platform โดยบริษัท ไลฟ์ฟินคอร์ป จำกัด ภายใต้กลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจากภาครัฐและเอกชน อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, SME D Bank, บสย., สวทช., สสว., บพข., NIA, depa, TEDFund, AIS, Humanica, สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย, สมาคมเทคโนโลยีเพื่อการตลาดประเทศไทย, สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย และ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย จัดงานสัมมนาใหญ่แห่งปี “SME ต้องรอด 2025: ปลดล็อกศักยภาพธุรกิจไทย พลิกเกม สร้างโอกาสเติบโต” มุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ผู้ประกอบการไทยพร้อมรับความท้าทายและคว้าโอกาสเติบโตท่ามกลางพลวัตเศรษฐกิจโลก ด้วยการแบ่งปันองค์ความรู้และกลยุทธ์ที่ใช้ได้จริงจากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของประเทศ โดยมีผู้ประกอบการ SMEs Startups และผู้บริหารองค์กร เข้าร่วมกว่า 1,000 คน ในวันที่ 31 สิงหาคม 2568 ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ และไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ กล่าวว่า LiVE Platform ทำหน้าที่สนับสนุนระบบนิเวศให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs และ Startups ในประเทศไทย ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาศักยภาพผ่านหลักสูตรและสัมมนาเชิงลึก เชื่อมโยงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนหลากหลายรูปแบบ ทั้งสินเชื่อและตลาดทุน การนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการปรับตัว รวมถึงการให้คำปรึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเติบโตในทุกมิติ โดยมีเป้าหมายหลักในการปลดล็อกศักยภาพ สร้างภูมิคุ้มกันให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

“ที่ผ่านมา LiVE Platform ประสบความสำเร็จในการยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง โดยบ่มเพาะและพัฒนาผู้ประกอบการผ่าน LiVE Academy แล้วกว่า 3,500 บริษัท ให้มีความพร้อมทั้งด้านการเงิน การตลาด และการบริหารจัดการธุรกิจ ช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการให้สามารถระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) ได้สำเร็จ 7 บริษัท มูลค่าระดมทุนรวมกว่า 287.5 ล้านบาท โดยมี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market cap) อยู่ที่ 4,737.82 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2568) สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง ช่วยให้ SMEs และ Startups เข้าถึงองค์ความรู้ แหล่งเงินทุน และโอกาสทางธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน และรับมือกับความท้าทายรอบด้าน” นายประพันธ์กล่าว

งาน “SME ต้องรอด 2025” ถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของ LiVE Platform และพันธมิตรในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้มีความพร้อมและเติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดวันจัดเต็ม 14 หัวข้อสัมมนา จาก 21 วิทยากร และกว่า 30 บูธพันธมิตร โดยผู้ร่วมงานจะได้อัปเดตเทรนด์เศรษฐกิจ ผู้บริโภค เทคโนโลยี และการใช้ AI พร้อมเรียนรู้เทคนิคการบริหารคน การบริหารทุน และการเข้าถึงแหล่งเงินทุน นอกจากนี้ ยังมี SMEs จาก สวทช. มา Pitching การต่อยอดธุรกิจ และ Pitching Showcase จากผู้ประกอบการที่มานำเสนอธุรกิจเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและโอกาสใหม่

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการและบริการต่างๆ ของ LiVE Platform ได้ที่เว็บไซต์ www.live-platforms.com และ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ LiVEx ซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์กระดานที่ 3 ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจ SMEs และ Startups ได้ที่ www.live-platforms.com/live-exchange

AIS ZEED 5G จับมือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ บินลัดฟ้าไปหลอนกับบ้านผีสิงธี่หยดที่ Universal Studios Singapore

AIS ZEED 5G ตอกย้ำความเป็นผู้นำ “Teen Entertainment Ecosystem” ด้วยการยกระดับประสบการณ์ดูหนังไปอีกขั้น นำโดย นางเบญจพร กำเพ็ชร หัวหน้าสำนักการตลาดกลุ่มลูกค้าพรีเพด ร่วมกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์  โดย นายสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)เปิดตัวแคมเปญ “ZEED Movie Lover ฟินทะลุจอ บุก Universal Studios Singapore” ชวนลูกค้าวัยทีนลุ้นฟินทะลุจอ บินลัดฟ้ามอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ สัมผัสความหลอนของบ้านผีสิงจากภาพยนตร์ไทย “ธี่หยด” ในงาน Halloween Horror Nights สวนสนุก Universal Studios ประเทศสิงคโปร์ เชื่อมโยงคอนเทนต์ภาพยนตร์ไทยสู่เวทีระดับโลก

เพียงสมัครแพ็กเกจเสริม AIS ZEED Movie Lover และตอบคำถามใต้โพสต์กิจกรรมในเพจ AIS Facebook ว่า “ทำไม ZEED MOVIE LOVER ถึงเป็นแพ็กเกจที่ต้องมี?” แล้วแชร์โพสต์เป็นสาธารณะ ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลแพ็กเกจทัวร์ Universal Singapore 3 วัน 2 คืน จำนวน 2 รางวัล (รางวัลละ 2 ที่นั่ง) ร่วมสนุกได้ถึง 10 ก.ย. 68 ประกาศผล 15 ก.ย. และเดินทาง 26–28 ก.ย. นี้ สมัครแพ็กเสริม AIS ZEED MOVIE LOVER ได้ง่ายๆ แค่กด *824# โทรออก ร่วมสนุกได้ที่ https://m.ais.co.th/aWHWQlaTM

บจ. mai รายงานผลการดำเนินงาน 6 เดือน ปี 2568 ยอดขายรวม 100,869 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 3,195 ล้านบาท

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 218 บริษัท คิดเป็น 97% จากทั้งหมด 225 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงาน โดย 6 เดือนแรกของปี 2568 เปรียบเทียบกับปีก่อน มียอดขายรวม 100,869 ล้านบาท ลดลง 3.9% ต้นทุนขาย 74,388 ล้านบาท ลดลง 3.8% กำไรขั้นต้น 26,482 ล้านบาท ลดลง 4.1% อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 2% ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงาน 6,356 ล้านบาท ลดลง 19.3% และมีกำไรสุทธิรวม 3,195 ล้านบาท ลดลง 42.7% เนื่องจากกำไรสุทธิของ บจ. บางแห่งลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ หากพิจารณาความสามารถในการทำกำไรพบว่า บจ. ยังรักษาระดับ GPM ในระดับเท่าเดิมที่ 26.3% ขณะที่ OPM และ NPM ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.3% และ 3.1% ตามลำดับ

“ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปี 2568 พบว่ายอดขายและกำไรสุทธิลดลง โดยมี 103 บจ. หรือคิดเป็น 47% ของบริษัทที่นำส่งงบ รายงานยอดขายเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ สาเหตุหลักของการลดลงเกิดจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และผลการดำเนินงานของ บจ. บางแห่งที่ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และมีผลกระทบในสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับผลประกอบการรวมของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/2568 นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากบาง บจ. ที่มีการลงทุนเพื่อสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม มี 3 กลุ่มอุตสาหกรรมยังสามารถรักษาการเติบโตของยอดขาย ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มบริการ และกลุ่มเทคโนโลยี” นายประพันธ์กล่าว

ด้านฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 328,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.13% จากสิ้นปี 2567 และโครงสร้างเงินทุนรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 0.79 เท่า เท่ากับสิ้นปี 2567

ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 225 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2568) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 250.74 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 247,035.89 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 569 ล้านบาทต่อวัน

ตลท. เผยผลดำเนินงานบจ. ครึ่งแรกปี 2568 รายได้อ่อนตัวเล็กน้อย แต่พลิกมีกำไรเพิ่มขึ้น จากการปรับโครงสร้างธุรกิจและการลงทุน

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บจ. จำนวน 809 บริษัท คิดเป็น 98.5% จากทั้งหมด 821 บริษัท (รวม SET และ mai ที่มีกำหนดส่งงบการเงิน ณ สิ้นงวด 30 มิถุนายน 2568 และไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน) นำส่งผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปี 2568 พบว่ามี บจ. รายงานกำไรสุทธิ 591 บริษัท คิดเป็น 73.1% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2568 เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน บจ. ใน SET มียอดขาย 8,342,603 ล้านบาท ลดลง 6.5% ขณะที่ต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายการขายและบริหารลดลง 6.0% และ 0.8% ตามลำดับ ทำให้ บจ. มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core profit) 794,606 ล้านบาท ลดลง 16.3% อย่างไรก็ดี จากความพยายามควบคุมการใช้เงินกู้และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลง 11.3% อีกทั้งมีธุรกรรมที่ก่อให้เกิดรายได้พิเศษ เช่น กำไรจากการควบรวมกิจการ การปรับโครงสร้างธุรกิจ และการลงทุน ส่งผลให้ บจ. มีกำไรสุทธิ 589,542 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.4% ทั้งนี้ หากไม่รวมธุรกิจด้านพลังงานและปิโตรเคมีภัณฑ์ บจ. มียอดขายและกำไรจากการดำเนินงาน ลดลงเล็กน้อย 0.7% และ 2.3% ตามลำดับ

ด้านฐานะการเงินของกิจการ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 บจ. ไทยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E ratio (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ 1.49 เท่า ลดลงจาก 1.59 เท่า ณ ช่วงเดียวกันในปีก่อน

“ภาพรวมครึ่งแรกของปี 2568 บจ. ไทย ที่เติบโตได้ดี ยังคงเกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค และการบริการ ได้แก่ 1) หมวดอาหารและเกษตร ซึ่งได้รับผลบวกจากราคาเนื้อสัตว์และอัตรากำไรที่ดีขึ้น รวมถึงราคายางที่ปรับสูงขึ้น 2) หมวดค้าปลีกและโรงพยาบาล ยังคงเติบโตจากยอดการใช้จ่ายในประเทศ และ 3) หมวดโทรคมนาคม ได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้ Data และ Internet เพิ่มตามแนวโน้มการปรับสู่สังคม Digital ที่เติบโต อย่างไรก็ตาม บจ. ไทยยังคงเผชิญความท้าทายจากราคาน้ำมันลดลง ค่าเงินบาทแข็งค่า ซึ่งกระทบ บจ. ในธุรกิจด้านพลังงานและปิโตรเคมีภัณฑ์ และกลุ่มที่มีการขายอ้างอิงสกุลเงินต่างประเทศ จึงทำให้ผลการดำเนินงานรวมชะลอลงจากปีก่อน” นายอัสสเดชกล่าว

ด้านผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) รายงานผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปี 2568 มียอดขายรวม 100,869 ล้านบาท ลดลง 3.9% ต้นทุนขาย 74,388 ล้านบาท ลดลง 3.8% ทำให้มีกำไรขั้นต้น 26,482 ล้านบาท ลดลง 4.1% ทั้งนี้ บจ. มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 2% ส่งผลให้ บจ. มีกำไรจากการดำเนินงาน 6,356 ล้านบาท ลดลง 19.3% และมีกำไรสุทธิรวม 3,195 ล้านบาท ลดลง 42.7%

“รักษ์ลำน้ำมูล” ซีพีเอฟจับมือชาวโคราช ปลุกพลังรักษ์ป่า ปั้นเยาวชนเป็น “นักสืบสายน้ำ”


 
วันนี้อุทยานแห่งชาติทับลาน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ไม่ได้มีแค่เสียงนกก้องป่า แต่ยังมีความคึกคักเป็นพิเศษ เมื่อคนทุกวัยที่มีหัวใจรักธรรมชาติมารวมพลังทำกิจกรรม “รักษ์ลำน้ำมูล” เพื่อดูแลและฟื้นฟูแม่น้ำสายสำคัญของอีสาน “ลำน้ำมูล” ที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนตั้งแต่นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ จนถึงอุบลราชธานี
 
เพราะการดูแลแม่น้ำสายนี้ ไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือภารกิจร่วมกันของทุกคนที่จะส่งต่อความอุดมสมบูรณ์ให้ลูกหลานได้ใช้ชีวิตอย่างสดชื่นในอนาคต
 
“การปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนเห็นคุณค่าและร่วมกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติ คือรากฐานสำคัญของการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ ตลอด 16 ปีที่ผ่านมา

‘โครงการรักษ์ลำน้ำมูล’ ของซีพีเอฟ เป็นตัวอย่างชัดเจนของความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจ ภาครัฐ และชุมชนที่ช่วยฟื้นฟูป่า อนุรักษ์แหล่งน้ำ และปลูกฝังจิตสำนึกการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพราะลำน้ำมูลไม่ใช่เพียงแค่แม่น้ำ แต่คือสายใยชีวิตของพี่น้องชาวโคราช” นายพีรวัฒน์ ธีระวัฒนา นายอำเภอครบุรี กล่าว
 
“โครงการรักษ์ลำน้ำมูล” จากความร่วมมือที่ยาวนานกว่า 16 ปี ที่ซีพีเอฟ โดยโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ นครราชสีมา ริเริ่มขึ้น โดยตลอดระยะทางมีภาครัฐ และชุมชน เป็นพลังสำคัญในความสำเร็จตลอดมา กิจกรรมล่าสุด เป็นการปลูกต้นไม้ 2,000 ต้น และปล่อยพันธุ์ปลาพื้นถิ่นกว่า 85,000 ตัว ลงเขื่อนมูลบน ทั้งปลาตะเพียน ยี่สก ปลาหมอ และปลาสร้อยขาว
เพื่อฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ
 
น้องฝ้าย – ด.ญ.อัญชิสา ช่วยชุม รร.จอมทองวิทยา เล่าอย่างภูมิใจพร้อมรอยยิ้มกว้างว่า “หนูชอบมากที่ได้มาปลูกป่ากับเพื่อนๆ รู้สึกว่าบ้านเราจะมีป่าสมบูรณ์ขึ้น แถมยังได้เรียนรู้วิธีปลูกต้นไม้ที่ถูกต้องจากพี่ๆ ซีพีเอฟ แล้วก็ยังได้ปล่อยปลาด้วย อยากชวนทุกคนมาทำกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ เพราะได้ทั้งความสนุกและใช้เวลาว่างให้มีประโยชน์ด้วย”
 
ขณะที่ นายอภิศักดิ์ สุขประเสริฐ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน บอกว่า “การเข้ามาของซีพีเอฟช่วยเติมเต็มสิ่งที่พื้นที่ยังขาด ไม่ว่าจะเป็นการปลูกและบำรุงรักษาป่า
รวมถึงการปล่อยปลาเพื่อเพิ่มแหล่งอาหารให้ชุมชน ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน จากผืนป่าเสื่อมโทรมกว่า 100 ไร่ที่เคยแห้งแล้ง กลับฟื้นคืนเป็นป่าเขียวชอุ่มอีกครั้ง ปริมาณปลาก็เพิ่มขึ้น ทำให้ชาวบ้านมีอาหารบริโภคได้ตลอดทั้งปี”
 
“รักษ์ลำน้ำมูล” ไม่ได้สร้างแค่ป่าและปลา แต่ยังสร้าง “พลังร่วม” ของรัฐ เอกชน และชุมชนที่จับมือกันดูแลแม่น้ำสายชีวิตให้คงความอุดมสมบูรณ์ หลักปรัชญา “3 ประโยชน์” ของเครือซีพี ‘ประโยชน์ต่อประเทศ ประโยชน์ต่อประชาชน ประโยชน์ต่อบริษัท’ โดยเฉพาะในด้านประโยชน์ต่อประเทศชาติและต่อประชาชน จึงถูกถ่ายทอดผ่านพื้นที่จริง ที่วันนี้กลายเป็นทั้งผืนป่าอุดมสมบูรณ์ ครัวธรรมชาติ ห้องเรียนกลางแจ้ง และแหล่งท่องเที่ยวชุมชนไปพร้อมกัน
 
ไม่หยุดแค่ปลูกป่า–ปล่อยปลา ซีพีเอฟยังเดินหน้าต่อยอดด้วย “โครงการนักสืบสายน้ำ” ปีที่ 13 ถ่ายทอดความรู้ให้เยาวชนได้เรียนรู้การตรวจสอบคุณภาพน้ำ เข้าใจคุณค่าของป่าต้นน้ำ และปลูกหัวใจสีเขียวให้คนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาช่วยดูแลธรรมชาติด้วยตัวเอง จนถึงปัจจุบันมีน้องๆ เยาวชน ร่วมเป็นนักสืบสายน้ำแล้วกว่า 2,500 คน
 
ตลอด 16 ปีแห่งความต่อเนื่อง โครงการนี้ไม่เพียงฟื้นฟูระบบนิเวศ แต่ยังสร้างความสามัคคี ความรู้สึกเป็นเจ้าของและความภูมิใจของทุกภาคส่วน “รักษ์ลำน้ำมูล” จึงไม่ใช่แค่การดูแลธรรมชาติแต่คือการ “ปลูกหัวใจ” ให้ผู้คนเติบโตพร้อมความรักและความหวงแหนสิ่งแวดล้อม
 
ที่สุดแล้ว…นี่คือ “ความดีที่ส่งต่อได้” จากรุ่นสู่รุ่น และตราบใดที่สายน้ำยังไหล ลำน้ำมูลก็จะยังคงเล่าเรื่องราวของความร่วมมือ ความรัก และความดีที่ไม่มีวันสิ้นสุด
 
ฟัง “เสียงจากคนลงมือจริง” >> https://youtu.be/j7RED1VKS4I?si=LkNRfS9lanOSw4e3

AIS บุกมหา’ลัย เอาใจวัยทีน สร้างสีสันรับเปิดเทอม เสิร์ฟเน็ตแรงพร้อมแจกไอติมอุ่นใจ ใช้แค่ 1 พอยท์ กับแคมเปญ Freshy Fun Fair

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ร่วมสร้างสีสันต้อนรับนิสิตและนักศึกษาทั่วประเทศเข้าสู่ภาคการศึกษาใหม่ ด้วยการสนับสนุนโครงข่ายสื่อสารและสัญญาณอินเทอร์เน็ต AIS 5G ที่ครอบคลุมพื้นที่การจัดกิจกรรมรับน้องใหม่ในมหาวิทยาลัยต่างๆ อย่างทั่วถึง เพื่อรองรับการใช้งานของนิสิต นักศึกษา และบุคลากร ให้เชื่อมต่อโลกดิจิทัลได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะอัปโหลด โพสต์ หรือแชร์โมเมนต์สนุกๆ ก็ไม่มีสะดุดทุกคอนเทนต์

พร้อมกันนี้ AIS ยังได้จัดเต็มความสุขสุดฟินต้อนรับเปิดเทอม กับแคมเปญ “Freshy Fun Fair” มอบสิทธิพิเศษให้น้องๆ เฟรชชี่ ใช้ เอไอเอส พอยท์ เพียง  1 คะแนน แลกรับ “ไอศกรีมอุ่นใจ” ได้ง่ายๆ ผ่านแอป myAIS เพื่อเติมเต็มความสดชื่นในช่วงเปิดเทอม โดยจะเดินหน้ายกทัพความฟินในกิจกรรมรับน้องตามมหาวิทยาลัยต่างๆ อย่างต่อเนื่อง สะท้อนการเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงและเข้าใจคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง พร้อมตอกย้ำแนวคิด “ความสุขมีได้ทุก Gen” ที่มุ่งสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าทุกเจเนอเรชัน

AIS ขอร่วมเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนในก้าวแรกของชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย พร้อมส่งต่อความอุ่นใจในทุกการเชื่อมต่อ และเป็นกำลังใจให้น้องๆ สนุกกับทุกช่วงเวลา ทั้งด้านการเรียน เพื่อนใหม่ และการเติบโตในเส้นทางของตัวเอง

เมืองไทยประกันชีวิต คว้า 2 รางวัลจากเวที Asia Pacific Enterprise Awards 2025 ตอกย้ำความเป็นองค์กรผู้นำและความเป็นเลิศต่อเนื่องปีที่ 5

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจประกันชีวิตของไทยในเวทีสากล คว้า 2 รางวัลอันทรงเกียรติระดับเอเชีย จากงาน The Asia Pacific Enterprise Awards (APEA) 2025 จัดโดย Enterprise Asia ได้แก่

· รางวัล Master Entrepreneur Award ประเภทผู้นำองค์กรดีเด่นในกลุ่มอุตสาหกรรมการเงิน ปีที่ 5  ที่มอบแด่ นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารซึ่งเป็นผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำยุคใหม่ที่สร้างความศรัทธาและความไว้วางใจจากทุกภาคส่วน ผ่านการขับเคลื่อนองค์กรด้วยวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ หลักธรรมาภิบาล และการบริหารที่โปร่งใส ควบคู่กับการพลิกโฉมองค์กรด้วยนวัตกรรมและความเข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง จนสามารถสร้าง “มาตรฐานใหม่แห่งความเป็นเลิศ” ให้แก่วงการประกันชีวิตไทย และยกระดับเป็นต้นแบบของผู้นำธุรกิจในเวทีเอเชีย รางวัลนี้จึงมิใช่เพียงเกียรติยศส่วนบุคคล แต่คือสัญลักษณ์แห่งความเชื่อมั่นและบรรทัดฐานใหม่ที่ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาค

· รางวัล Corporate Excellence Award ประเภทความเป็นเลิศทางธุรกิจองค์กร ต่อเนื่อง  เป็นปีที่ 5  ซึ่งถือเป็นอีกความสำคัญที่พิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพในทุกมิติขององค์กร ทั้งด้านการบริหารจัดการทางการเงินที่มีเสถียรภาพ การส่งมอบนวัตกรรมที่ตอบสนองต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และการยืนหยัดในพันธกิจด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รางวัลนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า เมืองไทยประกันชีวิตมิได้มุ่งเพียงการเติบโตเชิงธุรกิจ หากแต่เป็นองค์กรที่มุ่งสร้างความยั่งยืน โดยมีแนวทาง ESG เป็นหัวใจสำคัญ จนสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน และสร้างความสุขอย่างเป็นรูปธรรมในระดับสังคมโดยรวม

สาระ ล่ำซำ

ทั้งนี้ความต่อเนื่องและความมั่นคงในการครองรางวัลติดต่อกันถึง 5 ปี นับเป็นเครื่องพิสูจน์และยืนยันถึงความสำเร็จของเมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งเกิดจากการวางรากฐานเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง การพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน และการสร้างวัฒนธรรมที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง ความสำเร็จนี้มิใช่เพียงผลลัพธ์จากโครงการหรือแคมเปญระยะสั้น แต่คือผลสะท้อนของวิสัยทัศน์ที่มั่นคง การขับเคลื่อนองค์กร อย่างต่อเนื่อง และการยืนหยัดบนเส้นทางแห่งความเป็นเลิศในทุกมิติ จนสามารถสร้างผลงานที่จับต้องได้ และเป็นแบบอย่างที่น่าภาคภูมิใจในระดับสากล

ตลอดจนองค์กรยังมุ่งพัฒนาดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน อย่างจริงจัง ด้วยการนำเทคโนโลยี AI  Data Analytics และบริการแบบ Straight-Through Processing (STP) มาสร้างมาตรฐานใหม่ของการให้บริการที่รวดเร็ว โปร่งใส และตรงใจลูกค้า ขณะเดียวกันก็ไม่ละทิ้งการดำเนินโครงการเพื่อสังคม ทั้งในด้านการศึกษา สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่อง

โดยมี นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  เป็นผู้รับรางวัล จาก นายพงษ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ ดร.ฟง ชาน ออน ประธานองค์กร Enterprise Asia ณ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเตล กรุงเทพฯ   โดยมีคณะผู้บริหารเมืองไทยประกันชีวิตร่วมเป็นเกียรติในพิธี

เมืองไทยประกันชีวิตยังคงเดินหน้าสานสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างไม่หยุดยั้ง และสร้างความสมดุลระหว่างธุรกิจ ลูกค้า และสังคม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญขององค์กรในการก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน 

เปิดตัว “AIS Pro” สุดยอดผู้ช่วยอัจฉริยะดูแลสมาร์ทโฟนครบวงจรในทุกสาขาทั่วประเทศ

พร้อมจัดงานยกระดับความเชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ Apple เพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับทุกดีไวซ์

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ตอกย้ำตัวจริงด้านการสร้างสุดยอดประสบการณ์และการดูแลลูกค้า เดินหน้ายกระดับพนักงานบริการ สู่ “AIS Pro” ทีมกูรูผู้ช่วยที่มีความเชี่ยวชาญเชิงลึกด้านสมาร์ทโฟน ที่พร้อมดูแลให้คำแนะนำอย่างครบครัน พร้อมเชื่อมต่อทุกบริการและฟีเจอร์ใหม่ๆ บนอุปกรณ์ Apple อย่าง iPhone, iPad, Mac และ Apple Watch

เอไอเอส ได้เทรนพนักงาน AIS Pro กว่า 300 คน และประจำกว่า 150 สาขาทั่วประเทศ ที่พร้อมให้บริการและให้คำแนะนำลูกค้า ตั้งแต่การใช้งาน จนถึงการเชื่อมต่อ Ecosystem อย่างไร้รอยต่อ ตอกย้ำว่าเอไอเอสไม่ได้เพียงแค่ขายสินค้า แต่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพนักงาน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ระดับ Global ที่ลูกค้าวางใจได้จริง และเพื่อพลิกโฉม AIS Shop จากศูนย์บริการจำหน่ายสินค้า สู่ Digital Lifestyle Destination  

ด้วยการยกระดับการทำงาน ผ่านแนวคิด 5 BEST Experience ที่ครอบคลุมทั้ง Best Product ผลิตภัณฑ์ล้ำหน้าพร้อมเทคโนโลยีและดีไซน์ระดับพรีเมียม, Best Package แพ็กเกจสุดคุ้มที่มอบความคุ้มค่าและสิทธิประโยชน์หลากหลาย, Best Privilege เอกสิทธิ์เฉพาะที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ, Best Process กระบวนการที่รวดเร็วและไร้รอยต่อ และ Best People ทีมงานคุณภาพที่พร้อมให้คำแนะนำ ดูแล และบริการอย่างมืออาชีพ

เพราะการเลือกซื้อมือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่ใช่เพียงการเลือกซื้อสินค้า แต่คือการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ทีม AIS Pro จึงแสดงถึงความพร้อมของเอไอเอสในการส่งมอบบริการระดับ Global ที่สร้างความเชื่อมั่น ไว้วางใจได้ และพร้อมรองรับฐานลูกค้า Apple

ธปท.เผยคนไทยเป็นหนี้ 38% กว่าครึ่งเป็นกลุ่มอายุ 22-29 ปี และมีปัญหาชำระหนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานไทยแลนด์โฟกัส 2025 ในหัวข้อ “หนี้ครัวเรือนไทย: ความเปราะบางที่ต้องจับตา” จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เปิดเผยวตัวเลขคนไทยเป็นหนี้ คิดเป็น 38% ของประชากรทั้งหมด และกว่า50% อยู่ในกลุ่มอายุ ระหว่าง 22-29ปี นอกจากนี้ ยังพบว่า คนกลุ่มนี้มีจำนวน 1 ใน 4 ที่กำลังมีปัญหาในการชำระ

ดร. รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า สำหรับหนี้ครัวเรือน ซึ่งเป็นปัญหาหลักของประเทศไทย พบว่ากลุ่มที่มีหนี้ครัวเรือนสูงสุดคือ กลุ่มคนที่เริ่มทำงาน นอกจากนี้ แม้แต่กลุ่มวัยเกษียณก็ยังมีหนี้สิน โดยผู้ที่มีหนี้สินของประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่เป็นหนี้ที่เกิดจากการบริโภค ไม่ใช่หนี้จากการทำธุรกิจ

จากการทำวิจัยพบว่า ประชากร 38% ของประเทศมีหนี้ครัวเรือน ซึ่งตัวเลขนี้เป็นข้อมูลเฉพาะหนี้ในระบบเท่านั้น นอกจากนี้ยังพบว่าคนไทยเป็นหนี้เฉลี่ยประมาณ 5 แสนบาทต่อคน และหากนำหนี้นอกระบบมาคิดด้วย ตัวเลขก็ต้องสูงขึ้นกว่านี้มาก

โดยกลุ่มคนเริ่มทำงาน หรือกลุ่มอายุ 22-29 ปี พบว่า มีจำนวนถึง 50% ที่มีหนี้ครัวเรือน และ 1 ใน 4 ของคนที่เป็นหนี้กำลังประสบปัญหาการชำระหนี้ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการที่คนกลุ่มนี้ขาดความรู้ด้านการจัดการรายได้ และไม่มีข้อมูลที่เพียงพอในการควบคุมการใช้จ่ายหรือขาดความสามารถในการจัดการทางการเงิน

ธปท. จึงพยายามช่วยด้วยการให้ข้อมูลเรื่องหนี้ครัวเรือนมากขึ้น รวมถึงการเข้าถึงกลุ่มผู้ให้ความช่วยเหลือทางการเงิน รวมถึงผู้ให้ยืมในการให้ข้อมูลที่โปร่งใสกับลูกหนี้มากขึ้น รวมถึงช่วยด้านข้อมูลในการจัดการทางการเงินเมื่อมีหนี้ครัวเรือน

ดร. รุ่ง กล่าวอีกว่า ปัญหาสำคัญของหนี้ครัวเรือน คือเมื่อลูกหนี้มีหนี้ในระบบ แล้วไม่สามารถชำระหนี้ได้ จึงต้องสร้างหนี้นอกระบบ จนไม่สามารถชำระหนี้ได้ทั้งในและนอกระบบ ทำให้ปัญหาหนี้ครัวเรือนไม่ได้รับการแก้ไข

ทั้งนี้ อุปสรรคใหญ่ในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน คือการไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องของหนี้นอกระบบ ทำให้ไม่ทราบจำนวนหนี้ที่แท้จริง และไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนในภาพรวมได้ ทางธปท. จึงคิดว่าทางแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนคือการนำหนี้นอกระบบเข้ามาเป็นหนี้ในระบบ ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายที่สำคัญ เพราะการจะทำเช่นนี้ได้ จำเป็นต้องมีการแก้ไขกฎเกณฑ์และข้อกฎหมายหลายประเด็น เพื่อทำให้หนี้นอกระบบสามารถเข้ามาเป็นหนี้ในระบบ

NBA และ AIS ประกาศความร่วมมือระยะยาว ถ่ายทอดสดการแข่งขันในประเทศไทยสตรีมมิงแพลตฟอร์ม AIS PLAY เตรียมถ่ายทอดสดการแข่งขัน NBA ทุกแมตช์สำคัญ เริ่มฤดูกาล 2025–26


The National Basketball Association (NBA) และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS) ผู้ให้บริการดิจิทัลและผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ประกาศความร่วมมือระยะยาวในการถ่ายทอดการแข่งขัน NBA ผ่าน AIS PLAY บริการวิดีโอสตรีมมิงของ AIS โดยจะนำเสนอการแข่งขัน NBA ครอบคลุมทุกแมตช์สำคัญ ให้แฟนบาสเกตบอล ชาวไทยได้รับชม เริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2025-26 ซึ่งจะเปิดฉากในวันอังคารที่ 21 ตุลาคมนี้ ตามเวลาสหรัฐอเมริกา

AIS PLAY เตรียมเปิดช่องกีฬาเฉพาะกิจ มอบสิทธิ์ให้ลูกค้าที่ใช้บริการแพ็กเกจได้รับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขัน NBA ภายใต้ความร่วมมือกับ บริษัท ไมโม่เทค จำกัด บริษัทในเครือ เอไอเอส โดยจะถ่ายทอดสดการแข่งขันทั้งเกมในฤดูกาลปกติ, รอบเพลย์ออฟ, รอบชิงแชมป์สาย (Conference Finals), NBA All-Star และ NBA Draft เริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2026-27 เป็นต้นไป และจะถ่ายทอดสดรอบชิงชนะเลิศ NBA (NBA Finals) แบบปีเว้นปี

แฟนๆ บาสเกตบอลชาวไทยสามารถรับชมการแข่งขันและรายการจาก NBA ผ่าน AIS PLAY ได้โดยการสมัครใช้บริการและดาวน์โหลดแอป AIS PLAY ผ่าน App Store และ Google Play บนอุปกรณ์สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต และสมาร์ตทีวี สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจการสมัครสมาชิกและการรับชม สามารถติดตามได้ทางช่องทางประชาสัมพันธ์อย่างเป็นทางการของ AIS PLAY

นายปรัธนา ลีลพนัง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านปฏิบัติการ AIS กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกับ NBA ลีกบาสเกตบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมสูงสุดของโลก ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำของ AIS PLAY แพลตฟอร์มดิจิทัลที่รวมความบันเทิงและกีฬาครบวงจร นอกจากจะเติมเต็มความหลากหลายของคอนเทนต์ระดับโลกแล้ว ยังทำให้แฟนบาสเกตบอลชาวไทยได้สัมผัสประสบการณ์ NBA อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ผ่านโครงข่ายอัจฉริยะทั้งมือถือและเน็ตบ้านคุณภาพสูง เพื่อขยายฐานแฟน NBA และสนับสนุนการเติบโตของกีฬาบาสเกตบอลในประเทศไทย”

เวย์น ชาง (Wayne Chang) กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชีย NBA กล่าวว่า “AIS มีวิสัยทัศน์ร่วมกับเราในการยกระดับวงการกีฬาบาสเกตบอลและ NBA ในประเทศไทย ด้วยศักยภาพเครือข่ายที่ครอบคลุมของ AIS เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยขยายการเข้าถึงการแข่งขัน พร้อมส่งมอบประสบการณ์การรับชมที่น่าสนใจที่จะทำให้แฟนๆ ชาวไทยได้ใกล้ชิดกับทีมและผู้เล่น NBA ที่พวกเขาชื่นชอบมากยิ่งขึ้น”

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NBA ได้ที่ NBA.com, ดาวน์โหลด NBA App และติดตาม NBA บน Facebook, X, Instagram และ TikTok.