Home Blog Page 38

วิรไท ไม่ลงสมัครผู้ว่าแบงก์ชาติอีกสมัย ขอเวลากลับไปดูแลครอบครัว

รายงานข่าว เปิดเผยว่า ตามที่นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ประธานกรรมการคัดเลือกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการพิจารณาคัดเลือกให้เป็นบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 นั้น

นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายสื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร เปิดเผยว่า นายวิรไท สันติประภพ ซึ่งจะดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ครบวาระแรกในวันที่ 30 กันยายน 2563 ขอเรียนว่าไม่ประสงค์จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคัดเลือกสำหรับการดำรงตำแหน่งในวาระที่ 2 ด้วยเหตุผลด้านครอบครัว

ทั้งนี้ นายวิรไทจะดูแลให้การส่งมอบงานเป็นไปอย่างราบรื่น ก่อนที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่จะเริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินงาน

CPF Food Truck มอบอาหารปลอดภัยจากใจ สู่ชุมชน

ช่วงโควิด-19 เราได้เห็นถึงน้ำใจมากมายจากหลายหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือนร้อน ทั้งมอบอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์เจล และอาหาร การมอบอาหารมีให้เห็นหลายรูปแบบทั้งเดินแจกตามบ้าน ตั้งเป็นเต๊นท์ตามชุมชน รวมถึงแพ็คใส่กล่อง

ล่าสุดกับโครงการ “อาหารปลอดภัย จากใจ…สู่ชุมชน” เป็นความร่วมมือระหว่าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ นำรถ Food Truck ซีพี เฟรชมาร์ท แจกอาหารให้ชาวชุมชนต่างๆ ใน 6 เขตของกรุงเทพฯ ได้แก่ เขตบางกอกน้อย บางพลัด บางขุนเทียน บางบอน ห้วยขวาง และหนองแขม

รถ CPF Food Truck คันนี้ เดิมทีได้นำไปออกบูธโชว์สินค้าตามงานต่างๆ แต่หลังเกิดวิกฤตโควิด-19 ซีพีเอฟนำรถคันดังกล่าวมาดัดแปลงใช้ประโยชน์อีกครั้ง โดยนำมาทาสี ตกแต่งให้เข้ากับการใช้งานใหม่ เพื่อนำมาอำนวยความสะดวกในการอุ่นอาหาร สำหรับแจกให้กับประชาชนในชุมชนต่างๆ ที่มารับอาหารสามารถนำไปรับประทานได้ทันที ทั้งนี้ซีพีเอฟยังให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารปลอดภัย อยากให้ทุกคนได้รับอาหารที่ดี มีประโยชน์ และถูกสุขอนามัย

ภายใน CPF Food Truck ประกอบด้วย ตู้อุ่นร้อนขนาดใหญ่ที่สามารถอุ่นอาหารได้ครั้งละประมาณ 80-100 แพ็ค จุดเด่นที่น่าสนใจอีกหนึ่งอย่าง คือ ความกะทัดรัดของรถคันนี้ทำให้เข้าถึงชุมชนได้ง่าย และสีแดงที่โดดเด่นสะดุดตา กลายเป็นสัญลักษณ์ของรถคันนี้

ด้านความสะอาด พนักงานอุ่นอาหารจะต้องสวมหน้ากากอนามัย และถุงมือ เพื่อให้ผู้ที่มารับอาหารมั่นใจได้ว่าอาหารทุกกล่องสะอาดปลอดภัย ในขณะที่พนักงานจิตอาสาจะต้องสวมหน้ากากอนามัย Face Shild และถุงมือทุกคน นอกจากนี้ยังมีเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ตามจุดต่างๆ ด้วย

การมอบอาหารปลอดภัย โดย CPF Food Truck ให้กับชุมชนครั้งนี้ ได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชนทั่วไปตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้สูงอายุ บรรยากาศคึกคักมีประชาชนทยอยมาต่อแถวเพื่อรับอาหารอย่างต่อเนื่อง แม้อากาศจะร้อนเพียงใด แต่ทุกคนยังมีรอยยิ้มให้แก่กัน สำหรับการมอบอาหารจัดขึ้นทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ โดยจะสัญจรไปตามชุมชนต่างๆ ในกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง

ตกงาน กลับบ้านตจว. ไปทำอะไรดี

ถ้าตัดสินใจ ทิ้งเมือง ทิ้งแหล่งอุตสาหกรรม ทิ้งแหล่งทำงาน

เพื่อกลับไปสร้างความมั่งคั่งใหม่

สร้างความพอเพียงใหม่ ในชนบท หรือถิ่นกำเนิดของเรา

ที่ต้องทำอย่างแรก คือ ศึกษาหาความรู้ ซึ่งมีอยู่เยอะแยะในออนไลน์อย่างช่องยูทูปต่างๆ

และศึกษาสภาพภูมิศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรมของพื้นที่ที่เราจะไปอยู่ใหม่

เรียนรุ้วิธีเก็บน้ำ วิธีบำรุงดิน เรียนรู้วิธีหาพันธุ์พืช

มารับความรู้ แบบฟังง่ายๆ ใน รู้ทันปากท้องกับตลาดหลักทรัพย์

คุยกับ อายักษ์ กูรูสวนนาป่าน้ำ

ตอน “ตกงาน กลับบ้านต่างจังหวัด ไปทำอะไรดี

เงาหุ้น : กังวลสงครามการค้ารอบใหม่

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 22 พ.ค.63 ปิดที่ 1,303.97 จุด ลดลง 16.72 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 64,469.56 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,999.74 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด STA ปิด 22.70 บาท บวก 1.80 บาท, BAM ปิด 22.90 บาท ลบ 0.50 บาท, PTT ปิด 35.75 บาท ลบ 1.25 บาท, PTTEP ปิด 84.50 บาท ลบ 4.50 บาท และ GULF ปิด 39.25 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ กลับมากังวลความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่จะนำไปสู่การทำสงครามการค้ารอบใหม่ หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติผ่านร่างกฎหมาย Holding Foreign Companies Accountable Act คือบริษัทสัญชาติต่างประเทศ (โดยเฉพาะจีน) ที่ซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะถูกถอดออกจากตลาด ร่างกฎหมายนี้ยังมีข้อกำหนดที่เป็นข้อจำกัดอื่นๆของบริษัทสัญชาติต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายนี้ต้องผ่านการพิจารณาสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากนั้นประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย

โดยหากเกิดขึ้นจริง เอเซียพลัสประเมินผลกระทบเบื้องต้น ในเชิงลบระยะสั้นระหว่าง Process (ขั้นตอนสภาล่าง-โดนัลทรัมป์) ราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียนจีนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ราว 165 บริษัท มีโอกาสถูกแรงกดดัน แต่ในระยะยาวเชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนมีโอกาสไหลออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ และไหลกลับเข้าสู่จีน

ส่วนผลต่อตลาดหุ้นไทยนั้น ประเมินว่าจะถูก Sentiment เชิงลบกดดันตามตลาดหุ้นต่างประเทศ

ขณะที่เอเซียพลัส ยังระบุว่า สิ่งที่ช่วยลดความผันผวนให้กับตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมา คือ การที่ตลาดหลักทรัพย์ปรับเกณฑ์เพื่อลดระดับการเก็งกำไรลง ณ วันที่ 18 มี.ค.2563 ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้ 1.Short Sell ได้เฉพาะในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Up Tick) ช่วยพยุงให้ราคาหุ้นปรับฐานไม่เร่งตัวเร็วเท่าอดีต 2.ปรับการหยุดซื้อขายหุ้นชั่วคราว (Circuit breaker) เป็น 3 ระดับ 3.ปรับปรุงเกณฑ์ราคาซื้อขายสูงสุด-ต่ำสุดในแต่ละวัน (Floor-Ceiling) เหลือ 15% ซึ่งถือว่าได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ!!

ล่าสุด การที่หลายประเทศเริ่มกลับมาเปิดให้ Short Sell อาจส่งผลให้ภาพรวมตลาดหุ้นโลกผันผวนมากขึ้น แต่หากพิจารณาจาก Valuation หุ้นไทยถือว่าอยู่ในระดับที่แพง ซึ่งมี PER63F อยู่ที่ 20.3 เท่า ทำให้การปรับตัวขึ้นต่อจากนี้อาจทำได้ยากขึ้น กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้จำเป็นต้องพิถีพิถันในการเลือกหุ้น

เน้นหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งผันผวนต่ำรวมถึงหุ้นปันผลสูง แนะ 3 หุ้นเด่น TTW, ADVANC และ BDMS!!

ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

คีรี และกลุ่มบ.บีทีเอส มอบเงิน 2 ล. ให้รพ.ทันตกรรม ปรับปรุงห้องทันตกรรม ป้องกันโควิด-19

รายงานข่าว เปิดเผยว่า นาย คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทบีทีเอส พร้อมผู้บริหารของกลุ่มบริษัท นายกวิน กาญจนพาสน์ และนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา มอบเงินจำนวน 2,000,000 บาท ร่วมสนับสนุนปรับปรุงห้องทันตกรรม และอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับโรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และโรงพยาบาลทันตกรรมมหาจักรีสิรินธร เพื่อส่งเสริม และป้องกันให้ประชาชนที่มาใช้บริการปลอดภัยจากโรคโควิด-19 และช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มความสามารถ โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ทันตแพทย์หญิง วรานันท์ บัวจีบ คณบดี คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้แทนรับมอบ

ท้ั้งนี้ ทางโรงพยาบาลทันตกรรมมหาจักรีสิรินธร คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ขอเชิญร่วมบริจาคสมทบทุน เพื่อจัดหาอุปกรณ์ป้องกันโรคโควิด-19 ในการรักษาทางทันตกรรม ได้ทางช่องทาง ดังนี้

เอไอเอส ยกระดับ Digital Platform สู่การเป็น Everyday Lifestyle App ตัวจริง พร้อมเปิดตัวเต็มรูปแบบไตรมาสสองปีนี้

นางบุษยา สถิรพิพัฒน์กุล Head of Customer & Service Management – AIS เปิดเผยว่า ตลอดช่วง Lockdown 2 เดือนที่ผ่านมา เอไอเอส มีการเตรียมความพร้อมงานบริการลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพและความมืออาชีพของบุคลากรจึงทำให้ดูแลลูกค้าสามารถได้อย่างสมบูรณ์ครบทุกกระบวนการในเวลาอันรวดเร็ว ผสานเข้ากับเทคโนโลยีอัจฉริยะ ที่พัฒนามาก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง

พบว่า ตัวเลขการใช้บริการช่องทางบน Digital Platform มีจำนวนผู้ใช้งานสูงขึ้นอย่างมาก นับจากวันที่ภาครัฐประกาศ Lockdown ตั้งแต่ 22 มีนาคม 2563 ประกอบด้วย

  • การจ่ายบิลค่าบริการ และการเติมเงิน มีการใช้งานเพิ่มสูงขึ้นกว่า 200%
  • วันที่ 10 เม.ย. 63 วันแรกของการลงทะเบียนรับสิทธิ์การใช้งานฟรี!ที่เอไอเอส ร่วมกับ ภาครัฐ
    มอบอินเตอร์เน็ตให้ 10 GB  มียอดเข้าใช้งาน my AIS  สูงสุดในประวัติศาสตร์ถึง 1 ล้านรายต่อวัน
  • จำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ myAIS  เพิ่มขึ้นถึง 28.5% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย ปี 2562

นอกจากนี้ ปรากฏว่า มีจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นสูงถึง 72.4%

           
เอไอเอส พบว่า มีผู้เข้ามาใช้งานบนแอปพลิเคชัน myAIS เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก และ ASK Aunjai :  AI อัจฉริยะ เติบโตมากกว่าเท่าตัว และยังคงเป็นช่องทางหลักที่ลูกค้าใช้งานเป็นประจำมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยขีดความสามารถในการรองรับด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่เอไอเอสเตรียมความพร้อมมาอย่างต่อเนื่อง และพร้อมเดินหน้าสร้าง Digital Engagement ผ่าน Gamification ตอบโจทย์ Lifestyle แบบ New Normal ยุคโควิด  

ปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดการใช้งานบน myAIS App. เติบโตดังกล่าวมาจาก ความสามารถในการอำนวยความสะดวกลูกค้าได้อย่างไม่แตกต่างจากการใช้บริการผ่าน AIS Shop หรือ AIS Call Center อาทิ ลงทะเบียนซิมการ์ดได้เองทุกที่ ทุกเวลา ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว, การสมัคร ปรับเปลี่ยน และเลือก Promotion รวมถึงแลกรับสิทธิพิเศษ นอกจากนี้ ยังพบว่า ลูกค้านิยมใช้ช่องทางนี้ในการช่วยทำธุรกรรมให้กับหมายเลขโทรศัพท์ของคนในครอบครัวเพิ่มเติมขึ้นเป็นจำนวนมากในช่วง Lockdown

และบริการ ASK Aunjai : AI ผู้ช่วยอัจฉริยะที่คอยดูแลให้คำปรึกษากับลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ก็มีตัวเลขการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยสามารถตอบคำถามลูกค้าได้แม่นยำถึง 83% สูงกว่ามาตรฐาน World Contact Center 2019 ในส่วนของ AI Chatbot ที่วัดค่าความแมนยำ เฉลี่ยอยู่เพียง 75% พร้อมยังได้รับคะแนน AI CSI เพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยล่าสุด ภาพรวมของปี 2563 มีคะแนนเฉลี่ย สูงถึง 92.5% ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานทั่วโลก อยู่ที่ 62% สะท้อนให้เห็นว่า ลูกค้ามีความเชื่อมั่น รู้สึกใกล้ชิด สบายใจ และกล้าที่จะคุย สอบถาม ให้ ASK Aunjai แนะนำข้อมูลต่างๆ มากยิ่งขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เห็นถึงศักยภาพของพนักงานในการเพิ่มทักษะ และพลิกโฉมการทำงานรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะพนักงานคอลล์เซ็นเตอร์ที่ปรับเปลี่ยนมาทำงานบนหน้าจอจากที่บ้าน และสามารถให้บริการแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้ไม่ต่างจากช่วงเวลาปกติ และยังสามารถจัดสรรพนักงานและเวลาทำงานได้อย่างเหมาะสมและเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึง พนักงาน AIS Shop ที่ผันตัวเองมาส่งมอบบริการออนไลน์ผ่านบริการใหม่อย่าง LINE@AISShop สะท้อนให้เห็นถึงวิถีการทำงานยุค New Normal ที่พร้อมให้บริการได้ในทุกสถานการณ์

นางบุษยา ย้ำว่า COVID-19 ตอกย้ำให้เรามั่นใจว่า การพัฒนาช่องทางการให้บริการลูกค้าบน Digital Platform ที่มุ่งมั่นมาตลอด จากวิสัยทัศน์การเป็น Digital Life Service Provider สามารถตอบสนองความต้องการ ของลูกค้าที่มีการปรับตัว เปิดรับให้ Digitalization เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ NEW Normal ในการดำเนินชีวิตได้ในทันทีทันใดอย่างไม่มีสะดุด ดังนั้น จากวันนี้ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร การปิดเมือง หรือ เปิดเมือง ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาด จะไม่มีผลกระทบกับการดูแลลูกค้าเอไอเอสผ่าน Digital Platform ที่พร้อมยกระดับสู่ Everyday Lifestyle Application ที่จะมีการเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบภายในปลายไตรมาส 2 นี้อย่างแน่นอน

เมื่อ บจ. เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ

โดย       แมนพงศ์ เสนาณรงค์
รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของหลายอุตสาหกรรม ซึ่งอาจทำให้มีบริษัทจดทะเบียนบางบริษัทจำเป็นต้องตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ โดยยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอฟื้นฟูกิจการ

หลายท่านเกิดคำถามว่า เมื่อบริษัทเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการแล้ว ต้องมีหน้าที่อย่างไรในฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ก่อนอื่น ต้องเข้าใจว่าบริษัทจดทะเบียนมีหน้าที่ต่อผู้ถือหุ้น โดยจะต้องเปิดเผยข้อมูลสำคัญให้ทราบโดยทั่วถึงกัน ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลงบการเงิน ข้อมูลสำคัญที่มีผลต่อราคาหุ้น มติที่ประชุมกรรมการบริษัท มติที่ประชุมผู้ถือหุ้น รวมทั้งข้อมูลอื่นๆ ที่มีนัยสำคัญต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ยึดเป็นหลักการสำคัญในการดูแลผู้ลงทุน เพื่อให้มีข้อมูลที่เพียงพอในการพิจารณาตัดสินใจลงทุน

ดังนั้น เมื่อบริษัทเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ก็ยังคงมีหน้าที่และแนวทางการปฏิบัติเหมือนบริษัทจดทะเบียนอื่นๆ คือต้องเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ และที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ อาทิ การยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง เมื่อศาลพิจารณารับคำร้อง สาระสำคัญของแผนฟื้นฟูกิจการ และเมื่อศาลอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการ เป็นต้น

แล้วจะมีการเตือนผู้ลงทุนหรือไม่? เมื่อใด?

การขึ้นเครื่องหมายบนหลักทรัพย์ เป็นอีกหนึ่งมาตรการในการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนและคุ้มครองผู้ลงทุน โดยการขึ้นเครื่องหมายแต่ละประเภทนั้นมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน เช่น เครื่องหมาย “C” (Caution) ใช้เพื่อเตือนผู้ลงทุนให้เพิ่มความระมัดระวัง และศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ โดยเมื่อศาลรับพิจารณาคำร้องฟื้นฟูกิจการ หรืองบการเงินมีส่วนของทุนต่ำกว่า 50% ของทุนเรียกชำระแล้ว กรณีใดกรณีหนึ่งหรือทั้งสองกรณี ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย “C”  โดยผู้ลงทุนยังคงซื้อขายได้ด้วยบัญชี cash balance (ผู้ลงทุนวางเงินสดล่วงหน้าเต็มจำนวนก่อนซื้อขาย) และบริษัทเองก็มีหน้าที่รายงานความคืบหน้าของการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการต่อผู้ลงทุนทุก ๆ ไตรมาส ส่วนการส่งงบการเงินจะต้องส่งตามกำหนดเวลาปกติเหมือนบริษัทจดทะเบียนทั่วไป

ส่วนเครื่องหมาย “SP” จะเกิดขึ้นเมื่อมีเหตุต่าง ๆ อาทิ บริษัทไม่ส่งงบการเงินตามกำหนดเวลา โดยจะขึ้นเครื่องหมาย “NC” ควบคู่ไปด้วยหากบริษัทเข้าสู่เหตุเพิกถอนจากการที่ส่วนของทุนมีค่าติดลบ ซึ่งจะพิจารณาจากงบการเงินงวดปีเท่านั้น ไม่ได้พิจารณาจากงบการเงินงวดไตรมาส ซึ่งเครื่องหมาย “SP” ดังกล่าวจะมีผลทำให้หุ้นของบริษัทถูกพักการซื้อขาย และจะกลับมาซื้อขายใหม่ก็ต่อเมื่อบริษัทแก้เหตุเพิกถอนตามเกณฑ์และระยะเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด

จะเห็นได้ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีกลไกและแนวทางเพื่อดูแลผู้ถือหุ้น ครอบคลุมทั้งกรณีปกติและกรณีบริษัทจดทะเบียนที่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะเดียวกัน บริษัทจดทะเบียนเองก็มีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาของบริษัท ควบคู่ไปกับการเปิดเผยข้อมูลให้ผู้ถือหุ้นและ     ผู้ลงทุนรับทราบอย่างเท่าเทียม ที่สำคัญผู้ลงทุนควรติดตามข้อมูลข่าวสารของบริษัทที่ท่านลงทุนอย่างสม่ำเสมอจากเว็บไซต์ www.set.or.th และแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ของท่านในการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ได้มั่นใจและทันเหตุการณ์

เงาหุ้น : หุ้นฟื้นฟูกิจการ

หุ้นการบินไทยปรับตัวลง หลังราคาวิ่งขึ้นชนเพดาน 2 วันติด โดยโบรกเกอร์ออกโรงเตือนผู้ถือหุ้นที่กำลังเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการแม้ระยะยาวอาจเป็นผลดีต่อธุรกิจ แต่ผู้ถือหุ้นจะได้รับความเสียหายจากการลดทุน-เพิ่มทุน จนทำให้สัดส่วนและมูลค่าหุ้นที่ถืออยู่ลดลงได้ ในกระบวนการฟื้นฟูและปรับโครงสร้างทุน

ล่าสุด “แมนพงศ์ เสนาณรงค์” รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกบทความให้ข้อมูลว่า เมื่อบริษัทเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการแล้ว บริษัทจดทะเบียนมีหน้าที่ต่อผู้ถือหุ้น โดยจะต้องเปิดเผยข้อมูลสำคัญให้ทราบโดยทั่วถึงกัน ทั้งข้อมูลงบการเงิน ข้อมูลสำคัญที่มีผลต่อราคาหุ้น มติที่ประชุมกรรมการบริษัท มติที่ประชุมผู้ถือหุ้น รวมทั้งข้อมูลอื่นๆ ที่มีนัยสำคัญต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุน

เมื่อบริษัทเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการ ก็ยังมีหน้าที่เหมือนบริษัทจดทะเบียนอื่น คือต้องเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ที่เพิ่มเติมคือการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ เช่น การยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาล สาระสำคัญของแผนฟื้นฟูเมื่อศาลอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการ และบริษัทมีหน้าที่รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟู ต่อผู้ลงทุนทุกไตรมาส ส่วนการส่งงบการเงินจะต้องส่งตามกำหนดเวลาปกติเหมือนบริษัทจดทะเบียนทั่วไป

โดยเมื่อศาลรับพิจารณาคำร้องฟื้นฟูกิจการ หรืองบการเงินมีส่วนของทุนต่ำกว่า 50% ของทุนเรียกชำระแล้ว กรณีใดกรณีหนึ่งหรือทั้งสองกรณี ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย C เพื่อเตือนผู้ลงทุนให้เพิ่ม ความระมัดระวัง และศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน โดยยังคงซื้อขายได้ด้วยบัญชีเงินสดหรือ cash balance

ส่วนการขึ้น SP ห้ามการซื้อขาย เมื่อมีเหตุต่างๆ เช่น บริษัทไม่ส่งงบการเงินตามกำหนด โดยจะขึ้น NC ควบคู่ไปด้วยหากบริษัทเข้าสู่เหตุเพิกถอนจากการที่ส่วนของทุนมีค่าติดลบ ซึ่งจะพิจารณาจากงบการเงินงวดปีเท่านั้น และหุ้นจะกลับมาซื้อขายใหม่ก็ต่อเมื่อบริษัทแก้เหตุเพิกถอนตามเกณฑ์และเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดจะเห็นว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีกลไกและแนวทางเพื่อดูแลผู้ถือหุ้น ครอบคลุมทั้งกรณีปกติและกรณีบริษัทจดทะเบียนที่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นการลงทุน บริษัทจดทะเบียนเองก็มีหน้าที่แก้ไขปัญหาควบคู่กับการเปิดเผยข้อมูลให้ผู้ลงทุนรับทราบอย่างเท่าเทียม!!

ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เงาหุ้น : เด้งรับ กนง.ลดดอก

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 20 พ.ค.63 ปิดที่ 1,322.20 จุด เพิ่มขึ้น 12.25 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 67,672.70 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,648.58 ล้านบาท

หุ้นไทยเด้งรับ กนง.ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ลงมาอยู่ที่ 0.50% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ดีต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภคและนิคมอุตสาหกรรมโดดเด่น

บล.เอเซียพลัส ชี้ว่า ผลการประชุม กนง. มีมติ 4 ต่อ 3 ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 0.5% (ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์) ตามที่ตลาดและเอเซียพลัสคาด และ กนง. ยังส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติม (ดอกเบี้ยในอนาคตมีโอกาสลดลงได้อีก) เนื่องจากดอกเบี้ยที่แท้จริง (Net Interest Rate) ยังเป็นบวก 3.49%

โดยการลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% จะทำให้ Market Earning Yield Gap ขยายตัวกว้างขึ้น ส่งผลให้ค่า P/E เป้าหมายของตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นได้ราว 0.7-0.8 เท่า มาเป็น 18.1-18.2 เท่า ซึ่งเป็นผลดี

แต่อีกมุมหนึ่ง ดัชนีตลาดยังมี Downside จากประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน โดย EPS ตลาดปัจจุบันอยู่ที่ 72.6 บาท/หุ้น มีโอกาสถูกปรับลงเป็น 66-67 บาท/หุ้น และหากอิงดัชนีที่ 1,300 จุด ค่า P/E สิ้นปี 63 จะอยู่ที่ 19.7-20.3 เท่า สูงกว่าค่า P/E เป้าหมายใหม่ กรณีปรับลดดอกเบี้ย แสดงถึงผลบวกจากการลดดอกเบี้ย ไม่อาจชดเชยผลกระทบจากการปรับลดประมาณการได้

แต่ช่วงสั้นการลดดอกเบี้ยถือเป็น Sentiment เชิงลบต่อ หุ้นแบงก์ใหญ่จึงแนะเลี่ยงลงทุน แต่เป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มเช่าซื้อ, อสังหาริมทรัพย์ เช่น LH–AP, หุ้นปันผล เช่น ADVANC–PTT–RATCH–TTW–DCC–DIF

ขณะที่ บล.หยวนต้า โฟกัสค่าเงินบาทที่แข็งค่าอีก +0.3% และแข็งค่ามาแล้ว +2.2% ในเดือนนี้ (MTD) สวนทางค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่อ่อนค่า -0.4% MTD หุ้นที่มักปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงบาทแข็งคือ น้ำมัน, ปิโตรเคมี, โรงไฟฟ้า, สื่อสาร, ผู้ค้าสินค้าไอที, นิคมฯ ส่วนกลุ่มที่อาจถูกกดดันระยะสั้นคือส่งออกเกษตรและอาหาร, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, ยานยนต์

ส่วนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากบาทแข็งและยังมี Upside เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย คือ SCC–RATCH–GUNKUN– ADVANC–TRUE และ AMATA!!

ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ซีพีเอฟ ช่วยน้องหมาแมวจรที่โดนผลกระทบโควิด-19 มอบอาหารช่วยกว่า 2 ล้านบาท

นายสุขวัฒน์ ด่านเสริมสุข รองประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ มอบอาหารสุนัข “เจอร์ไฮ” และอาหารแมว “จินนี่” ให้แก่ นางสุภานันท์ วิภารัตนาพร เจ้าของบ้านกัญญาภัทร คลอง 10 จ.ปทุมธานี เพื่อช่วยเหลือเหล่าสุนัขจรจัดและแมวจรจัดที่ถูกทอดทิ้ง โดยการส่งมอบอาหารครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม “ห่างไกล ใจถึงกัน” ที่เชิญชวนคนรักสัตว์ให้ร่วมแปลงภาพโปรไฟล์เฟซบุ๊กเป็นอาหารสัตว์เลี้ยง รวมมูลค่า 2 ล้านบาท ให้แก่มูลนิธิและสถานสงเคราะห์สัตว์ที่ถูกทอดทิ้ง 7 แห่ง

เจอร์ไฮ (Jerhigh) แบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารสุนัข และจินนี่ (Jinny) แบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารแมว ภายใต้การบริหารของ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนลเพ็ทฟู้ด จำกัด ตระหนักถึงความเดือดร้อนของสถานสงเคราะห์สัตว์ที่ขาดแคลนอาหารเลี้ยงสัตว์ในช่วงการระบาดของโควิด-19 จึงส่งมอบอาหารให้น้องสุนัขจรและน้องแมวจรในมูลค่ารวม 2 ล้านบาทให้แก่มูลนิธิและสถานสงเคราะห์สัตว์ถึง 7 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

นายสุขวัฒน์ ด่านเสริมสุข กล่าวว่า สถานการณ์วิกฤตโรคโควิด-19 ไม่เพียงสร้างความเดือดร้อนให้แก่มนุษย์ แต่ยังรวมถึงบรรดาสัตว์เลี้ยงที่ถูกเจ้าของทอดทิ้ง และต้องการความช่วยเหลือ ทางเจอร์ไฮ (อาหารสุนัข) และจินนี่ (อาหารแมว) จึงขอเป็นตัวแทนในการส่งมอบอาหารให้น้องหมาและน้องแมว

กิจกรรม “ห่างไกล ใจถึงกัน” มีแนวคิดในการช่วยเหลือสุนัขและแมวจร โดยเฉพาะในวิกฤตโรคโควิด-19 ที่ส่งผลถึงบรรดาสัตว์เลี้ยงที่ถูกทอดทิ้ง ผ่านมูลนิธิและสถานสงเคราะห์ที่ขาดแคลนอาหาร โดยส่งมอบอาหารสุนัขและแมว มูลค่ารวม 2 ล้านบาท และกิจกรรมนี้ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยขอเชิญคนรักสัตว์ร่วมเปลี่ยนภาพ profile Facebook และใส่ hashtag #ห่างไกลใจถึงกัน ทั้งนี้ 1 Profile Facebook จะแปลงเป็นอาหารสุนัขและแมวมูลค่า 10 บาท (14 กรัม) โดยสามารถร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ – 15 มิถุนายน 2563 (ข้อมูลเพิ่มเติม Facebook : jerhigh official และ Facebook : jinny backhomeforfood) อาหารสุนัขและแมวจากกิจกรรมนี้ จะส่งมอบให้แก่สถานสงเคราะห์สัตว์ 7 แห่ง ประกอบด้วย ป้าจุ๊ บ้านพักสี่ขาเพื่อหมาจร, บ้านนางฟ้าของสัตว์จร, บ้านกัญญาภัทร-เพื่อหมาแมวที่ถูกทอดทิ้ง, WVS Care for Dogs (มูลนิธิพิทักษ์รักษ์สัตว์เพื่อสังคม บ้านเวียงด้ง), วัดเวฬุวนาราม จ.ลำปาง, Saved Souls Foundation และมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (Soi Dog)

ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการ “หมอหมาใจหล่อ ส่งต่อความรักให้หมาจร ซีซั่น 3” ร่วมกับ สัตวแพทย์ 11 สถาบัน ส่งมอบอาหารสุนัขให้กับสถานสงเคราะห์ต่างๆ ไปแล้วกว่า 5,450,000 บาท และกิจกรรม “ห่างไกล ใจถึงกัน” นี้ เป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ “เจอร์ไฮและจินนี่ ห่วงใย ใส่ใจคุณ ห่างไกลโควิด-19” ที่ได้ทำความสะอาดจุดขาย ร้านค้าเพ็ทช็อป รวมถึงส่งมอบหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์รวมกว่า 300 จุดขาย ตลอดจนการแจกหน้ากากอนามัยให้กับกลุ่มชมรมคนรักสุนัข และการร่วมสนุกทางโซเชียลมีเดียด้วยกิจกรรม “เจอร์ไฮและจินนี่ ขอเคียงข้างในวันที่คุณเหนื่อย” ที่มอบผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขและแมวให้กับบุคลากรทางการแพทย์ มูลค่ารวม 500,000 บาท เป็นต้น